โดย อ.วรวุฒิ สุขะเสวก
ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์
การคิดเชิงบวกเป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการรับรู้และการแปลความหมายที่มีต่อสถานการณ์และบุคคล อื่น ๆ ไปในแง่ดีพร้อมปรับเปลี่ยนมุมมอง ความเชื่อ และความรู้สึกเพราะรู้จักเลือกใช้ประโยชน์จากด้านบวกที่แฝงอยู่ จากสิ่งนั้น ๆ ได้ด้วยว่า เหตุการณ์บางอย่างเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้เกิดหรือไม่ให้เกิดแต่เมื่อเกิดขึ้นไปแล้วเรา เลือกได้ว่าจะมองและรู้สึกอย่างไร เพื่อก่อให้เกิดกำลังใจที่เข้มแข็งเป็นแรงผลักดันให้กระทำไปในทิศทางที่ดีและมีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
สำหรับความสำคัญของการคิดเชิงบวกอาจกล่าวได้ว่า ผู้ที่มีการคิดเชิงบวกเมื่ออยู่ใกล้ใครเขาจะส่งพลังบวกที่เป็นพลังงานให้แก่คนที่อยู่รอบข้างและสามารถดึงศักยภาพของคนที่อยู่ใกล้ออกมาได้ เขาจะเพิ่มกำลังใจและช่วยมองหาโอกาสให้ทั้งคำพูดและการกระทำ ด้วยมีความคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ จะเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ หากเรามีความเชื่อมั่นและมีจิตใจที่ไม่ถดถอยการศึกษาความสำคัญของการคิดเชิงบวกมีผู้ศึกษาไว้อย่างหลากหลายซึ่งทุกท่านได้พยายามมุ่งเน้นถึงความสำคัญนี้ที่มีต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทุกคน
ซัคเคอร์เบิร์ก (Zuckerberg, 2014, online) เป็นผู้หนึ่งที่เห็นความสำคัญของการคิดบวกที่ได้นำมาใช้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตจากเด็กธรรมดาคนหนึ่งได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของสังคมแห่งโลกโซเซียลที่เรียกว่าเฟซบุ๊ก (Facebook) ทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีได้เพราะแรงบันดาลใจที่มาจากการคิดเชิงบวกของเขาต่อเหตุการณ์ที่มีเข้ามาในชีวิตที่ทำให้เขาสร้างมหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ความสำคัญการคิดเชิงบวกที่มีต่อเขา คือ
1.เป็นแรงพลังผลักดันให้เอาชนะในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมิฉะนั้นเราจะช้าเกินไป
2.สร้างความมั่นใจในตนเอง เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับคนที่มาดูถูกว่าเขาจะทำไม่ได้หากเรามีกลยุทธ์ที่ดีย่อมรับประกันว่าไม่ล้มเหลว
3.สามารถทำในสิ่งที่ไม่รักได้เพราะการทำในสิ่งที่รักย่อมง่าย กว่าทำในสิ่งที่ไม่รัก
4.ช่วยดึงพลังที่อยู่ในตนเองออกมาได้และยังสามารถปลุกยักษ์ที่ซ่อนอยู่ในคนรอบข้างได้อย่างน่าอัศจรรย์
5.ทำให้มองเห็นคุณค่าในผู้อื่นด้วยการมองข้ามความบกพร่องของลูกน้อง
6.มีใจเปิดกว้างยอมรับศักยภาพความสามารถของผู้อื่น ไม่ใช่เห็นแต่ความเก่งของตนเองเท่านั้น
7.ช่วยสร้างความคิดสร้างสรรค์เปิดมุมมองความคิดใหม่ ๆ ไม่ปิดกั้นตนเอง ใครจะว่าอย่างไรและใครจะว่าเป็นไปไม่ได้เขาก็ไม่สนใจ
8.ทำให้ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแม้จะไม่ตรงกัน แต่ก็หาจุดตรงกลางลงตัวเพื่อให้งานเดินต่อไปได้
9.ทำให้เลือกทางเดินชีวิตของตนเองอย่างมั่นคง
10.ทำให้มีกำลังใจในการทำงานจนประสบความสำเร็จด้วยการฝันให้ไกลไปให้ถึง
สำหรับการฝึกคิดเชิงบวกว่าขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลและการขัดเกลาหรือการอบรมสั่งสอนแต่เด็กโดยมีแนวทางการฝึกคิดเชิงบวกดังนี้ 1) จงอย่าท้อและอย่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันสำเร็จ หรือไม่ทันเริ่มท้อได้แต่อย่าถอย 2) จงเชื่อมั่นตัวเอง ว่าเรามีความสามารถเราทำได้และจะทำให้ดีที่สุด 3) จงลุกขึ้นมาสู้แม้จะล้มเหลวไปบ้างก็ไม่เป็นไร นี่คือ บทเรียนที่ต้องพยายามแก้ไข 4)จงยอมรับความจริงอย่าหลอกตัวเอง พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่และเพียงพอเท่าที่มี 5) จงอย่ากังวลเกินกว่าเหตุอย่ามองทุกอย่างเลวร้ายเกินกว่าที่เป็นจริงซึ่งทำให้มีแต่ความไม่สบายใจ 6) จงมีความหวัง หวังในสิ่งดีที่จะทำได้ในอนาคต แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ตามที่ตั้งใจในอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงในแง่บวกได้ 7) จงเชื่อว่าทำได้ถ้าเราไม่เชื่อว่าตัวเองทำอะไรได้ ใครจะเชื่อเรา เราจึงต้องมีกำลังใจจะฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 8) จงมองโลกในแง่ดีต้องคิดเสมอว่าทุกอย่างต้องมีตกแล้วก็มีขึ้น เหมือนดวงอาทิตย์ชีวิตของเราก็เช่นกันถ้าเรามุมานะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดวันหนึ่งคงดีขึ้นไม่ช้าก็เร็ว 9) จงใฝ่หาความรู้เสมอเพราะในยุคสื่อสารกว้างไกล การเรียนรู้รับสิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้การงานดีขึ้น และหน่วยงานจะอยากให้เราทำงานไปนาน ๆ 10) จงเป็นมิตรมากกว่าสร้างศัตรูการได้มิตรหรือการสร้างมิตรมีแต่ได้มากกว่าเสียเพราะจะได้เป็นเพื่อนหรือกำลังสำคัญในการทำงาน หรือในยามมีปัญหาเนื่องจากมิตรที่ดีจะช่วยเรายามทุกข์ยากและดีใจที่เราทำได้ดี 11) จงรักตัวเอง เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการที่จะอยู่อย่างเป็นสุข ไม่ว่าในด้านการงานหรือชีวิตครอบครัว เมื่อเรารักตัวเองเราจะไม่ทำอะไรให้เสียหายยังช่วยให้เราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น การคิดเชิงบวกเป็นเรื่องที่ฝึกกันได้ง่าย ๆ และเห็นกันชัด ๆ การคิดเชิงบวกเป็นเรื่องของการมองมุมที่เราไม่เคยมองโดยปกติประจำวัน โดยมุมที่เรามองนั้นจะเป็นมุมที่จะช่วยให้เราสบายใจขึ้น ความสบายใจถือว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง จะมีผลไปถึงประโยชน์ที่จะเกิดกับครอบครัวถ้าคนในครอบครัวของเราอยู่กันอย่างมีความสุข มองกันในแง่ดี ในเชิงบวก อะไรที่มันจะทำให้เดือดร้อนรำคาญใจก็เฉยเสีย หันไปมองในมุมที่ดีขึ้น แล้วจากการที่ครอบครัวมีความสุขนี้เองก็จะส่งผลไปถึงสังคมและประเทศชาติในที่สุด การคิดเชิงบวกนั้นมีความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ทั้งในเชิงชีวิตส่วนตัวบุคคล ทั้งในเชิงชีวิตของครอบครัวที่เราเป็นสมาชิกอยู่ แล้วในเชิงคุณภาพชีวิตของสังคมด้วย