แม้ว่าอะโวคาโด (Avocado) จะเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาสูง แต่คุณประโยชน์ก็สูงไม่แพ้กันเลยค่ะ ในอดีตอาจไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในคนไทย แต่ในปัจจุบันเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ
อะโวคาโด ไขมันสูง…จริงหรือ?
โดยปกติแล้ว ผลไม้ทั่วไปส่วนใหญ่ให้คาร์โบไฮเดรต แต่อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ให้ไขมันดีในปริมาณที่สูง ซึ่งจัดเป็น Superfood เพราะมีประโยชน์กับร่างกายมาก ไขมันที่ว่านี้คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว: Monounsaturated Fat (MUFA) ซึ่งช่วยลดไขมันเลว (LDL-C) ในเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารชนิดอื่นที่มีประโยชน์อีกมากมาย
คุณค่าโภชนาการและสารอาหารในอะโวคาโด 100 กรัม (ประมาณ ½ ลูก)
พลังงาน 160 กิโลแคลอรี
ไขมันทั้งหมด 15 กรัม ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) 10 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 9 กรัม ซึ่งเป็นใยอาหาร 7 กรัม
โปรตีน 2 กรัม
มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น วิตามินบี ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเค ช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด วิตามินอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบในร่างกาย โฟเลท ป้องกันภาวะซีดโลหิตจาง โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต เป็นต้น
อะโวคาโดจึงเป็นอาหารที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย สามารถกินเป็นอาหารว่างหรือกินในอาหารมื้อหลักก็ได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานหรือเพิ่มน้ำหนัก หญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหาน้ำหนักไม่เพิ่มตามเกณฑ์ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้สูงอายุที่กินอาหารได้น้อย เพราะอะโวคาโดเนื้อนุ่ม เคี้ยวง่าย
ตัวอย่างเมนู…อะโวคาโดแสนอร่อย
อะโวคาโดผลสด: แนะนำให้กินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกินครึ่งลูกต่อครั้ง
อะโวคาโดปั่นนมสด: ปั่นกับอะโวคาโด กับนมสด นมพร่องมันเนย หรือนมถั่วเหลือง
สลัดผักใส่อะโวคาโด: นอกจากผักสลัดต่างๆ เช่น ผักคอท เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค เติมอะโวคาโดเพื่อเพิ่มพลังงานและไขมันดีอีกเล็กน้อย
แซนด์วิชไข่อะโวคาโด: นำอะโวคาโดมาผสมกับไข่ต้ม ปรุงรสด้วยโยเกิร์ต น้ำมะนาว พริกไทยและเกลือเล็กน้อย ทาลงบนขนมปังโฮลวีท เพียงเท่านี้ก็ได้แซนด์วิชแสนอร่อยแล้วค่ะ
โดย ชฎาพร หนองขุ่นสาร
นักกำหนดอาหารวิชาชีพ (RD, CDE)
ศูนย์โภชนาการและการกำหนดอาหาร โรงพยาบาลเทพธารินทร์