มีคำถามตามรายการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองทางสื่อสารมวลชนโทรทัศน์ เสมอๆว่า “ คำว่า วิญญูชน ที่ปรากฏในคำตัดสินอนาคตของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย มีความหมายว่าอย่างไร? ”
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน พุทธศักราช 2554 ให้ความหมายของคำว่า “วิญญู” ไว้ว่า หมายถึง “ผู้รู้แจ้ง,นักปราชญ์”
“วิญญูชน” หมายถึง บุคคลซึ่งรู้ผิดรู้ชอบตามปรกติ
ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นชนชั้นผู้วิเศษใดๆ
แม้แต่เด็กประถมฯ เด็กมัธยม นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย พ่อค้าแม่ขาย ชาวนาชาวไร่ นักบวช มหาโจร มิจฉาชีพ ก็สามารถที่จะเป็น “วิญญูชน” ซึ่งรู้ผิด รู้ชอบเหมือนปกติชน,คนทั่วไปได้
คนบางคนแม้จะมีการศึกษา มีอายุที่สูงวัย มีมันสมองและความรู้สึกนึกคิด คิดอ่านได้ พูดจาสื่อสารเข้าใจในภาษาคน แต่มีความเห็นต่างไปจาก “ปุถุชน” ซึ่งหมายถึงสามัญชน คนที่ยังมีกิเลสหนา ผู้ที่มิได้เป็นพระอริยบุคคล ก็ไม่สามารถ จะเป็น “วิญญูชน” ได้ เพราะเห็นผิดเป็นชอบได้ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้
บุคคลเหล่านี้ ในทางพระพุทธศาสนาจัดไว้ในจำพวก “บัวใต้น้ำ”
เป็นได้เพียง “สามัญชน” หรือ “ปุถุชน” บางครั้งสามารถเรียกว่า “พาลชน” “ทุรชน”
ถ้าเป็นบุรุษก็อาจจะเรียกให้โก้ๆว่า “โมฆบุรุษ” ถ้าเป็นสตรีก็สามารถเรียกว่า “โมฆสตรี” มีความหมายว่าเป็นคนที่ เปล่า,ว่าง,ไม่มีประโยชน์,ไม่มีผล เป็นคนที่ เสียเปล่า พูดง่ายๆว่า “เสียชาติเกิด” หรือ “ไม่น่าจะเกิดมาเป็นคน” ให้รกโลก เปลืองที่ว่างบนพื้นโลก เปลืองทรัพยากรอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค
คนประเภทนี้ มีให้เห็นได้ทั่วไปในหมู่โจร มิจฉาชีพ ประกอบด้วย นักต้มตุ๋น ฆาตกร นักปั่นหุ้น และนักการเมือง……ฮา! ซึ่งรวมทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษานายกฯ รมต. นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้บริหารธุรกิจภาคเอกชน…บางคน!…ฮา!
ไม่เว้นแม้แต่ข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการระดับภาค,เขต,จังหวัด,อำเภอ ฯลฯ
พนักงานผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนก็ไม่มีข้อยกเว้น ถ้ามีพฤติการณ์และวัตรปฏิบัติที่ไม่ซื่อสัตย์ ทุจริตคิดไม่ซื่อต่อแผ่นดิน ก็สามารถนับรวม มัดรวมเข้า มาในกลุ่ม “โมฆบุคคล” ได้อย่างหน้าชื่นตาบานและตาปริบๆ
วิญญูชน ปุถุชน โมฆบุรุษ-สตรี มีอยู่ในทุกหมู่ชน ทุกเผ่า ทุกชุมชน ทุกประเทศ ทุกเชื้อชาติในโลก ซึ่งยังไม่รวมไปถึง “มนุษย์ต่างดาว” เพราะอาจจะมีมนุษย์ต่างดาวจากดาวบางดวง ที่มีหิริโอตตัปปะ มีความละอายต่อบาป เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ดี มีศีลธรรม ทุกคน ทุกตัว ทุกตน ที่ลักลอบแอบแฝงอยู่บนดวงดาวบางดวงหรือหลายดวง ที่เรายังสอดรู้สอดเห็นไปไม่ถึง..ก็เป็นได้
ในโลกมนุษย์ยุคที่ “พระศรีอารย์” ยังไม่เสด็จมาบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ต่อจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (เจ้าชายสิทธัตถะ) ให้เราได้ยึดถือเป็นที่พึ่งทางใจและเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ
เราก็ยังต้องพบพานกับ ปุถุชน พาลชน โมฆชน คนกิเลสหนา ที่จ้องแต่จะ หาประโยชน์จากทรัพย์แผ่นดิน ที่ควรจะเฉลี่ยให้กับพี่น้องร่วมชาติ ร่วมประเทศ ร่วมอำเภอ,ตำบล,หมู่บ้าน,ชุมชน ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุกข์อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน
บุคคลเหล่านี้มีสายตา ความคิดและจิตใจที่เห็นผิดเป็นชอบเห็นต่างไปจากคนดี, ที่มีศีลธรรม,ถือความสัตย์ ที่เป็น “ปกติชน” คนทั่วไป
บุคคลเหล่านี้จะ “มีศีลแต่ปาก” ประเภทมือถือสากปากถือศีล ไม่ใช่ว่าพร้อมที่จะตำน้ำพริก โขลกเครื่องแกง หรือตำปลาย่างให้เป็นปลาป่น แต่หมายความว่า ปากก็ตะโกนโพนทะนาว่าเป็นผู้มีศีล แต่น้ำใจนั้นพร้อมที่จะเชือดคอคนที่เข้ามาขวางทางโกงของตน ของครอบครัวและของวงศ์ตระกูล
มือที่ถือสากอยู่นั้น พร้อมที่จะฟาดกบาลคนที่เข้ามาขัดขวางผลประโยชน์ได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและบาปกรรม
น่าแปลกใจในสัดส่วนของบุคคลประเภทปุถุชน โมฆชน วิตถารชน พาลชน ฯลฯ มักจะเป็นผู้ที่มีฐานะทางการเงินในสังคม มีผู้คนนอบน้อมก้มหัวกราบกราน ยกย่องให้เป็นหัวหน้า เจ้านาย,นายใหญ่,นายหญิง,นายน้อย โดยไม่ยอมรับรู้ในที่มาของความร่ำรวยล้นฟ้า เงินตรากองท่วมหัว ซึ่งมิใช่ได้มาโดยชอบ โดยสุจริต แต่ได้มาจากจิตอกุศลที่เบียดบัง ฉ้อฉล ได้มาอย่างผิดกฎหมาย ผิดจรรยาในวิชีพที่ใช้ในการฉ้อโกง ฉ้อราษฎร์-บังหลวง
ความแปลกอีกประการของบุคคลที่เป็น ทุจริตชน พาลชน มิจฉาชน มักจะไปสุมรวมอยู่ตามสถานที่มีเงินงบประมาณของทางบ้านเมืองกองรวมท่วมหัวท่วมหู เช่น รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร เทศบาล,ทุกระดับ องค์การบริหารบ้านเมืองทุกระดับ กระทรวงที่มีงบประมาณสูงๆ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งองค์กรที่มีผลประโยชน์มหาศาล
โดยไม่เคยใส่ใจในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม เพราะมัวมุ่งแต่สนใจในการกอบโกยงบประมาณของประเทศมาเป็นของตน หาช่องทางตักตวงประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายและระเบียบของทางราชการ เพื่ออำนวยประโยชน์ให้ธุรกิจในโคตรตระกูลของตน
เหลือแต่สถาบันกษัตริย์ที่มุ่งพัฒนาประเทศอยู่อย่างเดียวดาย โดยมีข้าราชการดีๆ นักการเมืองดีๆที่เป็นส่วนน้อย กับภาคเอกชนที่มีศีลธรรม ที่ยังมุ่งหมายจะช่วยให้ประเทศไทยและคนไทยรอดพ้นจากเงื้อมมือ… “คนชั่ว!”
***********************
บก.