asd
28.2 C
Nakhon Sawan
วันเสาร์, กันยายน 7, 2024
spot_img

กฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน

การฟอกเงินนั้น เป็นที่นิยมของบุคคลที่มีอำนาจทางการเมืองหรือมีอำนาจทางธุรกิจที่มีช่องทางการเงินมาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือหลีกเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งเงินนั้นส่วนมากได้มาจากการทุจริตคอรัปชั่น การค้ายาเสพติด การพนัน บัญชีม้า การหลีกเลี่ยงภาษี การรับสินบน ฯลฯ พิจารณาได้จากหัวข้อข่าว ThaiPBS วันที่ 26 มีนาคม 2566 รายงานข่าวว่า “เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 จากกรณีพนักงานธนาคารกสิกรไทย สาขาเอ็มควอเทียร์ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ กรณีมีกลุ่มคนจีนอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบัญชีหนึ่ง ได้นำเอาเอกสารเดินทางสัญชาติกัมพูชา มาติดต่อกับธนาคารประสงค์จะขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่ เพื่อจะใช้ในการถอนเงิน ซึ่งมีเงินอยู่ในบัญชีมากถึง 176 ล้านบาท แต่พนักงานธนาคารพบว่า ใบหน้าของคนที่มาติดต่อทำธุรกรรมดังกล่าวไม่ตรงกับใบหน้าของบุคคลเจ้าของบัญชี จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบทราบว่า เป็นเงินที่ได้จากกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ความพยายามในการถอนเงินออกจากบัญชีโดยการปลอมเอกสารเดินทางขึ้นมา โดยมีบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

หรือข่าว DAILYNEWS วันที่ 1 มิถุนายน 2567 รายงานข่าวว่า “ทลายแก๊งเว็บพนันรายใหญ่ SAFA55 เงินหมุนเวียนปีละ 120 ล้าน ยึดทรัพย์ 60 ล้าน “ผบช.สอท.” เผยจับแล้ว 6 ราย จาก 12 หมายจับ ส่วนเจ้าของเว็บ มีแพลนฟอกเงินผ่านร้าน Art Toy ชื่อดัง จ่อเปิดสาขาใน อ.พัฒนานิคม แต่ตำรวจรวบตัวได้ก่อน หนึ่งในนั้นมีนักการเมืองรายใหญ่โดดวงร่วมทำเว็บ กระแสเงินไหลเข้าต่อเนื่อง”

หรือข่าว ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 2 มิถุนายน 2567 รายงานว่า “ทลายเว็บพนันใหญ่ สจ.ดังลพบุรีเจ้าของ “อาร์ตทอย” ฟอกเงิน ตำรวจไซเบอร์ค้นเป้าหมาย 4 จุด ใน จ.นนทบุรี และ จ.ลพบุรี บุกทลายเว็บพนันรายใหญ่ mm.safa555.com และ safa55game.com รวบผู้ต้องหา 6 คน เจ้าของเว็บเป็นนักการเมืองท้องถิ่น พร้อมยึดทรัพย์กว่า 60 ล้านบาท สร้างเครือข่ายหมุนเวียนเงินในระบบครอบครัว นำเงินไปฟอกเปิดร้านอาร์ตทอยที่เป็นกระแสได้รับความนิยม”

ดังนั้นจากหัวข้อข่าวอาจพิจารณาได้ว่า การฟอกเงินเป็นการกระทำของผู้ที่ได้เงินหรือมีเงินที่ผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง และต้องการนำเงินนั้นออกมาใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการฟอกเงินมีความหมาย ที่มา การวิวัฒนาการ วิธีการฟอกเงิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อุปสรรคของการบังคับใช้กฎหมาย มีรายละเอียดตามลำดับดังนี้

ความหมายของการฟอกเงิน ผู้คิดค้นแนวความคิดของการฟอกเงินได้แก่ นายเมเยอร์ แลนสกี้ (Meyer Lansky) อันมีหลักการเกี่ยวกับการนำเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือที่มักเรียกกันโดยทั่วไปว่า “เงินสกปรก” (Dirty Money) กระบวนการทางพาณิชยกรรมหรือธุรกรรม เพื่อให้กลายมาเป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่า “เงินสะอาด” (Clean Money) หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการขจัดร่องรอยของผลประ โยชน์ที่เกิดจากการกระทำอันผิดกฎหมาย โดยผ่านขั้นตอนของการโอนและธุรกิจต่างๆ เพื่อให้จำนวนผลประโยชน์เดียวกันดังกล่าว กลายเป็นรายได้ที่ชอบด้วยกฎหมายในที่สุด (วีระพงษ์ บุญโญภาส, 2537)

การฟอกเงิน หมายถึง จากการนำเงินทีได้มาจากการกระทำความผิดหรือเงินที่เกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิด มาเก็บ ซุกซ่อน โอน ยักย้ายหรือเปลี่ยนสภาพ เพื่อให้ผู้กระทำผิดหรือผู้อื่นสามารถจะนำเงินดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ได้ ในลักษณะของเงินที่ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ดีคำว่า การฟอกเงิน ยังรวมถึง การฟอกเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์ในทางทรัพย์สินอื่นๆ ที่ได้มาจากการกระทำความผิดด้วย ดังนั้นจึงรวมถึงการฟอกทรัพย์สินนั้นเป็นกระบวนการที่ผู้กระทำต้องเปลี่ยนสถานะของเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย ให้กลายเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ใช้ได้โดยถูกกฎหมาย หรือไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย” (https://cds.customs.go.th/)

ดังนั้นการฟอกเงิน ควรหมายถึง “การเปลี่ยนสภาพของทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้มาจากการกระทำความผิด ให้เป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ชอบด้วยกฎหมายหรือทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นนั้นชอบด้วยกฎหมาย”

คำว่า ทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 หมายถึง  “ทรัพย์สินหมายความรวมทั้งทรัพย์ และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้” ดังนั้นทรัพย์สิน หมายถึง “วัตถุที่มีรูปร่างและวัตถุที่ไม่มีรูปร่าง ที่มีราคาและถือครอบครองได้” ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา คลื่นดาวเทียม คลื่นอินเตอร์เน็ต คลื่นโทรศัพท์ ไฟฟ้า เป็นต้น

คำว่า ประโยชน์อื่นใด หมายถึง สิ่งที่มีมูลค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรับการฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน (ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)

ที่มาและการวิวัฒนาการของการฟอกเงิน การฟอกเงิน (Money Laundering) ไม่มีหลักฐานที่รู้แน่ชัดว่าถือกำเนิดจากที่ใด แต่คาดว่าอาจเกิดขึ้นหลังจากมนุษย์เริ่มค้าขายโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนได้ไม่นาน และเห็นภาพชัดขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับราชวงศ์ฮั่นของจีนที่เริ่มสร้างระบบราชการรวมศูนย์ไว้ โดยส่งคนจากส่วนกลางไปปกครองตามที่ต่างๆ และพื้นที่ของประเทศจีนที่ใหญ่โตมาก ทำให้ส่วนกลางดูแลไม่ทั่วถึง คนที่ถูกส่งไปปกครองเรียกรับสินบนและค้าของเถื่อนผิดกฎหมาย แล้วทำธุรกิจกลบเกลื่อนปิดบังแหล่งที่มาของเงินเพื่อไม่ให้ส่วนกลางจับได้ ในเวลาต่อมาได้พบพฤติกรรมเช่นนี้ทั่วโลก คดีที่เป็นจุดกำเนิดของคำว่า “ฟอกเงิน” เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยนาย “อัลคาโปน (Al Capone)” เป็นเจ้าพ่อแก๊งมาเฟียขนาดใหญ่ในชิคาโกเมื่อปี 1925 คุมธุรกิจผิดกฎหมายแบบครบวงจรทั้งคาสิโน บ่อนใต้ดิน ค้าประเวณี ส่งออกเหล้าเถื่อน ฯลฯ และธุรกิจพวกนี้ทำเงินให้อัลคาโปนและแก๊งแบบถล่มทลาย ซึ่งเงินมหาศาลนี้อัลคาโปนใช้วิธีไหนปกปิดเพื่อหลบเลี่ยงการตามรอยของตำรวจ โดยอัลคาโปนสร้างธุรกิจที่ใช้ในการฟอกเงินคือ “ร้านซักรีด” อัลคาโปนขนเงินที่ได้จากธุรกิจสีดำทั้งหลายเข้าบัญชีร้านซักรีดของตัวเองที่เปิดบังหน้าเอาไว้ แต่ปกปิดไปได้ประมาณ 6 ปี อัลคาโปนก็ดันถูกจับในข้อหาหนีภาษี และสืบทอดไปถึงธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ จนตามรอยเงินทั้งหมดไปถึงร้านซักรีดในที่สุด มีเงินหมุนอยู่ในบัญชีกว่าพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ร้านซักรีดจะทำเงินได้ขนาดนี้ การพยายามปกปิดที่มาของเงินโดยร้านซักรีดของอัลคาโปน จึงถูกเรียกว่า “การฟอกเงิน (Money Laundering)” ในที่สุด (Money Buffalo, 2022)

วิธีการฟอกเงิน ฟลิป ฟองค์ (Philp Fong) การบรรยาย “Asean Senior Police Officers Course 13 ” November 1993″ การฟอกเงินได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้ (วาทิน คำทรงศรี, 2539)

  1. Placement แปลว่า ระดับขั้นเอาไปวางไว้กับที่ หมายถึงการเก็บเงินที่ได้จากการกระทำความผิดกฎหมายไว้อย่างปกปิดในที่ซ่อนเร้นและปลอดภัยที่สุด โดยจะเก็บไว้ที่ใดก็ได้ เงินยังคงเป็นเงิน เป็นระดับขั้นต้น เป็นวิธีการดั้งเดิมที่เล่ากันว่าในสมัยโบราณมีวิธีเก็บซ่อนเงินด้วยการเอาเงินห่อผ้าใส่ไหฝังดินไว้ในที่ที่เชื่อว่าจะไม่มีใครรู้ใครเห็น และจะไม่มีใครไปขุดหามาได้

ครั้นเมื่อเป็นยุคสมัยใหม่และปัจจุบันนี้นอกจากจะเก็บไว้กับตัวไว้กับบ้านแล้วก็ใช้วิธีการนำไปฝากไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน และยังจะใช้ชื่อที่อยู่จริง หรือจะใช้ชื่อย่อ ชื่อที่ตั้งลอยๆ ชื่อคนอื่น ก็ได้

  1. Layong แปลว่า ระดับขั้นแปรเปลี่ยนเป็นขั้นๆ โดยการใช้เงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปซื้อทรัพย์สิน หรือจัดทำทรัพย์สินของมีค่า มีราคาแพง มีมูลค่ามากๆ เช่น เพชรนิลจินดา หรือทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ซื้อรถยนต์ ซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์ ซื้อหรือสร้างอาคารบ้านเรือน ที่ดิน เรือกสวนไร่นาไว้ ทรัพย์สินที่จะต้องจดทะเบียนการถือกรรมสิทธิ์อาจใช้ชื่อที่อยู่คนอื่นที่ไว้ใจก็ได้ หรืออาจทำเป็นขายให้คนอื่นที่ไว้ใจก็ได้ หรือทำเป็นโอนยกเป็นมรดกให้คนอื่น อาจเป็นบุตรหลานไปแล้วด้วยก็ได้ หรืออาจนำเงินไปฝากไว้กับคนอื่นที่ไว้ใจก็ได้ อาจเป็นบิดามารดา ญาติพี่น้อง หรืออาจนำไปฝากไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยใช้ชื่อที่อยู่ของคนอื่นที่ไว้ใจก็ได้ อาจเป็นบุตรหลานญาติพี่น้องหรือบิดามารดา บางประเทศอาจอนุญาตให้ผู้ฝากเงินกับธนาคารหรือสถาบันการในโดยใช้ชื่อผู้ฝากเป็นชื่อย่อ หรือรหัสให้ซื้อที่ดิน ซื้ออาคารบ้านเรือนไว้ในต่างประเทศ
  2. Integration แปลว่า ระดับขั้น การคละเคล้าผสมผสาน โดยการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิด หรือที่ได้มาโดยไม่ชอบก้อนใหญ่ไปผสมกับเงินส่วนน้อยที่ได้จากรายได้ส่วนอื่น ไปลงทุนประกอบการที่ถูกต้องหลายๆ กิจการ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทประกอบการทางเศรษฐกิจขึ้นหลาย บริษัท เป็นนายหน้า รับจำนอง รับซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ให้เงินกู้ได้ดอกเบี้ย รับเหมาก่อสร้าง ซื้อขายหุ้น หรือลงทุนข้ามชาติ ข้ามประเทศโอนเงินเข้าโอนเงินออกนอกประเทศ

วิธีการฟอกเงินแบบย่อ มี 3 ขั้นตอน เริ่มจากการนำเงินสดเข้าระบบ ซึ่งอาจเป็นบัญชีธนาคารในต่างประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองความลับลูกค้า ขั้นที่สองคือการกลบเกลื่อนร่องรอย เพื่อให้ไม่สามารถสืบสาวหาแหล่งที่มาของเงินได้ และขั้นตอนสุดท้ายคือนำเงินเข้าสู่กระเป๋าเจ้าของเงินสกปรกที่แท้จริง โดยผ่านฉากหน้าการทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย (รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์, 2019) ซึ่งสังคมปัจจุบันมีระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเกี่ยวกับวิธีการฟอกเงิน ทำให้วิธีการฟอกเงินมีการพัฒนามากขึ้นและขยายเครือข่ายข้ามชาติอย่างรวดเร็ว

กฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน มีดังนี้

  1. สืบเนื่องจาก อนุสัญญาเวียนนา ค.ศ. 1988 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ให้ประเทศที่ประสงค์จะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด และวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1988 ต้องมีมาตรการต่าง ๆ ทางกฎหมายภายในประเทศนั้นรองรับ
  2. พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

หลักการและเหตุผล เนื่องจากในปัจจุบันผู้ประกอบอาชญากรรมซึ่งกระทำความผิดกฎหมาย บางประเภท ได้นำเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้นมากระทำการในรูปแบบต่าง ๆ อันเป็นการ ฟอกเงิน เพื่อนำเงินหรือทรัพย์สินนั้นไปใช้เป็นประโยชน์ในการกระทำความผิดต่อไปได้อีก ทำให้ยากแก่การปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายเหล่านั้น และโดยที่กฎหมายที่มีอยู่ก็ไม่สามารถปราบปรามการฟอกเงิน หรือดำเนินการกับเงินหรือทรัพย์สินนั้นได้เท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมดังกล่าว สมควรกำหนดมาตรการต่างๆ ให้สามารถดำเนินการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะของการฟอกเงิน มาตรา 5 “ผู้ที่โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิดมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง หรือกระทำการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน”

ขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดฐานฟอกเงิน มาตรา 48-49 “เมื่อตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการโอนจำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินใดที่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ให้คณะกรรมการธุรกรรมมีอำนาจสั่งยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวมีกำหนดไม่เกินเก้าสิบวัน กรณีปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ให้เลขาธิการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินโดยเร็ว

 แสดงให้เห็นว่าการฟอกเงิน แม้จะมีกฎหมายควบคุมและมีบทลงโทษก็ตาม แต่การฟอกเงินการยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก และมีกระบวนการอย่างเป็นระบบในธุรกิจต่างๆ ทั้งธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมายและธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมายส่วนมากจะมีการฟอกเงินที่เกิดจากการกระทำที่มีการหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ดำเนินตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายส่วนมากเกิดจากการได้เงินมาจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การพนัน ฉ้อโกง ยาเสพติด ค้าประเวณี ค้ามนุษย์ การหลีกเลี่ยงภาษี การรับสินบน ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันจะทำเป็นเครือข่ายมีการร่วมมือกันตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป เพื่อโยกย้ายเงินทุจริตไปยังบริษัทเครือข่ายหลายๆ ทอด ให้เกิดความซับซ้อนจนยากต่อการนำสืบถึงที่มาของเงินหรือทรัพย์สิน แล้วนำเงินวนกลับมายังเจ้าของเดิมหรือสลับเงินกับบริษัทในเครือข่าย ประกอบกับในปัจจุบันเป็นสังคมเทคโนโลยีดิจิทัล จึงทำให้เงินสามารถเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และการลงโทษเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินมีโทษเบาเกินไป ตามมาตรา 60 “มีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ควรมีการแก้ไขให้มีการเพิ่มโทษตามจำนวนเงินที่ฟอกให้เป็นลำดับ ไม่เช่นนั้นผู้กระทำความผิดจะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

 

ผศ.ปองปรีดา ทองมาดี

(ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต)

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด