ใครที่เคยฟังเพลง “ลิงทะโมน” ต้องสะเทือนใจในความรู้สึกของความรักลูกของสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งในไพรกว้าง ซึ่งมนุษย์อย่างเรานึกไม่ถึงว่า สัตว์หน้าขนที่เกิดมาในภพภูมิที่ต้อยต่ำกว่า “มนุษย์” จะมีความรู้สึกนึกคิดที่มนุษย์ผู้มีจิตใจสูงคาดไม่ถึง
เพลง “ลิงทะโมน” ประพันธ์และขับร้องโดย “พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ” ผู้เป็นนักร้อง นักดนตรี กวีในแนว “เพื่อชีวิต”
สมาชิกวงคาราวานในยุคต้นๆ ผู้เป็นเจ้าของฉายา “กวีชาวไร่”
“พงษ์เทพ” หนีเข้าป่าในยุค “6 ตุลาคม 2519” หลังสถานการณ์ทรราชย์ปฏิวัติรัฐประหารแล้วกวาดล้างบรรดานักคิด นิสิต นักศึกษา ผู้มีความคิดก้าวหน้า หวังสร้างสังคมอุดมปัญญา ที่ปราศจาก “นายทุน ขุนศึก” ผู้ที่ไม่เคยอิ่มในยศศักดิ์ ศักดินา วาสนาและทรัพย์คฤงคาร
เมื่อผู้ชนะเป็น “ผู้ถูกต้อง” เป็นผู้ครองประเทศ เป็นผู้เขียนกฎหมาย เป็น รัฏฐาธิปัตย์ ส่ำสัตว์ผู้ต่อต้านการปกครองของทรราชย์ก็ต้องหลบลี้ หลบหนีเข้าไปตั้งหลักปักฐานในป่าเขาลำเนาไพร เพื่อหลบเลียแผลใจ สะสมอุดมการณ์อาวุธหนัก อาวุธเบา และปัญญาซึ่งเปรียบดั่งอาวุธ
เพื่อกลับมาตอบแทน แก้แค้นศัตรูผู้ฉ้อฉลที่กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเมือง ในรัฐ ในประเทศ ด้วยการกู้ชาติ ปลดแอก !…ฯลฯ
แต่ไม่เคยปรากฏว่าจะมี “ปรากฏการณ์” ตามที่ตั้งความหวังและกำลังใจในสถานการณ์ที่ปรารถนาแม้แต่ครั้งเดียว
มีแต่ปัญญาชนและกัญชาชน “ผู้เข้า (ไปหาหน่อไม้ใน)ป่า” เหล่านั้น กลับออกมารับใช้นายทุนที่เป็นทรราชย์ยิ่งกว่าบรรดา “ขุนศึก” ในอดีต และกลายเป็นมือไม้ให้ทรราชย์คดโกงบ้านเมืองหนักยิ่งกว่าทรราชย์รุ่นเก่า
“พงษ์เทพ” ออกล่าสัตว์ป่าเพื่อหาอาหารยังชีพในป่าเมืองน่านเมื่อครั้งนั้น แล้วยิงได้ “ค่าง” ตกลงมา…. เป็นอาหาร โดยจะเป็นค่างย่าง ลาบค่าง หรือส้มค่าง ในข่าวไม่ได้กล่าวเอาไว้
ค่างที่ถูกยิงตกลงมาจากคาคบไม้สูงเป็น “แม่ค่าง” และลูกน้อยเกาะกินนมอยู่กับอก
แม่ค่างเด็ดใบไม้มาอุดรูกระสุนปืนที่เลือดไหลไม่หยุดของตนจนสุดจะแก้ไข แม่ค่างรู้ว่าตัวจะต้องตาย และลูกน้อยจะต้องตายตามเพราะไม่มีใครให้นมกิน แม่ค่างกัดคอลูกจนตายก่อนที่ตัวของแม่ค่างจะขาดใจตายตามไป
ภาพที่ประทับลงในใจของ “พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ” ก่อเกิดเป็นเพลง “ลิงทะโมน” ที่ผู้ฟังต้องหลั่งน้ำตาให้กับความรักลูกของสัตว์เดรัจฉาน
แต่มนุษย์พ่อบางคนแย่งลูกออกจากอกแม่ ส่งเข้าแดนประหารเพื่อให้ตนได้สมแค้น หวังจะได้ครอบครองประเทศและสวาปามทรัพย์แผ่นดินมหาศาลอันมิควรได้ตามอำนาจกิเลสที่ท่วมท้นล้นจิตใจ.
บก.