ตอน : ดราม่าในสายวารีที่ล้นฝั่ง
อุทกภัยในประเทศไทยในแต่ละครั้ง นอกจากความทุกข์โศกที่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยต้องเจ็บช้ำน้ำใจในความเสียหายจากภัยน้ำท่วม ยังได้เห็นนิยายน้ำเน่าในเทศกาลอุทกภัยในทุกจังหวัดทุกภาคของประเทศไทย
นิยายน้ำเน่าเรื่องเก่า ๆก็คือผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส จะต้องเดินทางไปตรวจสถานการณ์ ไปดูเหตุการณ์ว่า “น้ำท่วมอย่างไร?” ระดับน้ำสูงแค่ไหน? ชาวบ้านจะมีความเป็นอยู่อย่างไร? ฯลฯ ซึ่งทางจังหวัดที่ประสบอุทกภัยก็กำลังตกอยู่ในความโกลาหล
ชาวบ้านชาวเมืองต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอลหม่าน
ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องตระเวนตรวจสถานการณ์ ต้องบัญชาการช่วยเหลือ ราษฎรโดยลงไปกำกับการทำงานของนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกเทศมนตรีฯ เทศบาลทุกระดับ ทั้งที่บางหน่วยผู้ว่าฯไม่สามารถบังคับบัญชาได้
ในระบบระเบียบทางกฎหมาย ทางการปกครองอาจจะบังคับบัญชาหรือสั่งการกันไม่ได้ แต่ในทางพฤตินัยไปช่วยเป็นกำลังใจช่วยประสานงาน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะสถานการณ์กำลังเครียดเขม็ง ซึ่งในเวลานั้นคำว่า “สองหัว ดีกว่าหัวเดียว”
(ช่างตัดผมก็ใช้คำรำพึงนี้เป็นสรณะมาช้านานแล้ว และต้องการลูกค้ามากกว่า
2 หัวในแต่ละวัน…ฮา!)
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลงพื้นที่อุทกภัยเพื่อตรวจสถานการณ์ บรรดาหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทุกข์สุขของราษฎร โดยเฉพาะในสถานการณ์อุทกภัยก็ฉวยโอกาสติดสอยห้อยตามติดโตงเตงไปด้วย
นอกจากจะได้มีโอกาสได้เสนอหน้าให้ผู้ว่าฯได้เห็นหน้า ยังเป็นการบอกกล่าวทางอ้อมว่า “เราไม่ทอดทิ้งกันในยามทุกข์…ฮา!” ซึ่งผู้ว่าฯ ก็รู้ทางกันอยู่เพราะสมัยที่ผู้ว่าฯ ยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในอดีต ท่านก็ประพฤติเช่นนี้มาก่อนจนชำนาญ
ข้อดีของการที่หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ติดตามพ่อเมืองออกไปเยี่ยมเยียนราษฎรในจุดที่ประสบอุทกภัยจะมีประโยชน์ตรงที่ผู้ว่าฯ สามารถหันไปสั่งการหัวหน้าส่วนราชการต่างๆได้ในพริบตาทันท่วงที
นายอำเภอพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดก็จะรับคำสั่งของผู้ว่าฯแล้วหันไปสั่งลูกน้องของแต่ละคนที่ติดสอยห้อยตามกันมาเป็นพรวน จากนั้นท่านผู้ว่าฯ ก็จะหันไปยักคิ้วให้ นายกรัฐมนตรีนครฯ เมืองฯ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทำนองว่า “สั่งการบรรเทาทุกข์ให้ราษฎรเรียบร้อยแล้วนะ”…ฮา!
ว่าแล้วผู้ว่าฯก็พาคณะหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตะบึงต่อไปยังอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ชุมชนอื่นๆที่ประสบอุทกภัยต่อไป เพราะตั้งแต่ครั้งสุโขทัยมาถึงปัจจุบัน อุทกภัยไม่เคยเจาะจงเล่นงานหมู่บ้าน, ชุมชนหรือตำบลใดตำบลเดียว หรืออำเภอใดอำเภอเดียว แต่ปูพรมท่วมกวาดมาตลอดลำน้ำโดยเฉพาะช่วงที่ลุ่มที่ต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ
ผู้ว่าฯและคณะจึงต้องตระเวนไปมากมายหลายแห่ง
ที่น่าชื่นชมคือไม่ค่อยจะเกิดกรณีที่ผู้ว่าฯ หันมาถามกลุ่มข้าราชการที่ติดตามว่า “นายอำเภออยู่ไหน? นายอำเภอไปไหน?” เพราะส่วนใหญ่นายอำเภอมักจะติดตามผู้ว่าฯเหมือนเงาตามตัว เพื่ออนาคตที่สดใสในทางราชการ
และอีกประการคือ ผู้ว่าฯก็เป็นข้าราชการกระทรวงเดียวกัน อาจจะมาจากกรมการปกครองด้วยกัน ไม่ใช่มาจากหน่วยงานอื่นในกระทรวงมหาดไทย ต้องรู้ใจ รู้ทางและ รู้กำพืดกันดีโดยธรรมชาติ
ถึงนายอำเภออาจจะไม่ได้มาต้อนรับขับสู้ ไม่ได้ร่วมคณะนำชมมหกรรมอุทกภัยเพราะไปราชการจริงๆบ้าง ราชการลับเฉพาะบ้าง ยังเมาไม่สร่างบ้าง ไม่มีเที่ยวบินในวันนั้นบ้าง ผู้ว่าฯ ก็ไม่เคยตะคอกสั่งปลัดอาวุโส ปลัดอำเภอให้ไปสั่งให้นายอำเภอรายงานด่วนว่า “สถานการณ์น้ำท่วม หน้าสิ่วหน้าขวาน นายอำเภอไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?”
เพราะในสมัยที่ผู้ว่าฯเคยเป็นนายอำเภอก็อาจจะเคยประสบเหตุการณ์ทำนองนี้มาอย่างโชกโชน หรือบางทีนายอำเภอที่ติดภารกิจสำคัญในราชการหรือภารกิจในครอบครัวอาจจะสวนหมัดผู้ว่าฯว่า “ผมไม่ใช่เทวดา จะได้เหาะมาต้อนรับท่านได้ทันการณ์!”…ฮา!
ประการสำคัญ ยามที่ผู้ว่าฯ ออกตรวจสถานการณ์อุทกภัย ไม่ต้องมีการจัดฉากเตรียมชาวบ้านมานั่งรอในเรือท้องแบนที่จอดอยู่บนบก ไม่ต้องเกณฑ์กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มอาชีพมาชูป้ายรอรับ ไม่ต้องเปลืองผ้าขาวม้าซึ่งไม่ใช่สำหรับผูกบั้นเอวของผู้ว่าฯ เพียงผืนเดียว ยังต้อง รองผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการอื่นๆ ที่ยืนกันหน้าสลอน มิหนำซ้ำยังทำหน้าละห้อยสร้อยเศร้าสงสารชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยให้เข้ากับบรรยากาศ
ไม่ต้องเสียกระเช้าผลไม้ กระเช้าสินค้าตำบล “1 ตำบล 6-9 ผลิตภัณฑ์” ไม่ต้องโก่งคอเปล่งเสียงตะโกนให้ศีลให้พรผู้ว่าฯ “ขอให้ท่านผู้ว่าฯได้เลื่อนยศเป็นนายอำเภอไวๆ!”…ฮา!
ทั้งส่วนราชการและผู้นำท้องถิ่นก็สามารถใช้เวลาในการช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ผิดกับผู้นำระดับประเทศที่ต้อง “แอ่น!” ออกไปตรวจสถานการณ์เป็นคณะใหญ่ ขบวนยานพาหนะยาวเหยียด แทนที่จะเร่งสั่งการหน่วยงานต่างๆในส่วนกลาง คอยกำกับการจัดข้าวปลาอาหารข้าวของเครื่องใช้จำเป็นใส่ถุงยังชีพให้มากที่สุดแล้วเร่งส่งให้รวดเร็วทั่วถึงแล้วจึงนั่งเป็นประธานในห้องปฏิบัติการบรรเทาทุกข์อยู่ในทำเนียบ ประชุมส่วนราชการทุกส่วน ดูข่าวโทรทัศน์ ฟังข่าววิทยุ แล้วสั่งการฉับๆๆๆ ทันท่วงทีในทุกเรื่องทุกประเด็น แล้วแอบลงพื้นที่เงียบๆ ไม่ให้ข้าราชการและราษฎรเดือดร้อนต้องมารอต้อนรับในวันที่สถานการณ์คลี่คลายลงไปบ้างแล้ว
ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนเลือดตากระเด็น ผู้ว่าฯ นายอำเภอ นายกเทศฯ ฯลฯ กำลังเร่งบรรเทาทุกข์ตัวเป็นเกลียว แต่ต้องละทิ้งภารกิจมาต้อนรับฝูงเทวดาที่เหาะมาเป็นฝูง มาถ่ายรูป มาแสดงละครหน้ากล้องโทรทัศน์ไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็โกยแน่บ! มาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ให้ข้าราชการในพื้นที่เขาลำบากใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอดสูใจยิ่งนัก
ข้าราชการเขามีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีกินมีใช้ ทำงานในฐานะของ
“ข้าฯ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
ไม่ใช่ขี้ข้าของนักการเมืองที่ซื้อเสียงเข้ามาโกงกินบ้านเมืองแล้วยังมาจิกหัวด่า “ข้าราชการของแผ่นดิน”
***********************
บก.