ปีนี้เวลาผ่านมาเพียงเดือนเดียว พิษภัยเกิดกับชาวประชากันทั่วทั้งโลก เล่นเอาอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกันหมด
เริ่มที่แคลิฟอร์เนีย แอลเอ ในอเมริกาไฟไหม้เป็นเมืองๆเลย บ้านช่องเรือนชานถูกเผาไปเป็นหมื่นๆหลังคาเรือน
คนก็ตายไปเป็นสิบๆคน
เครื่องบินล้อไม่กาง เล่นเอาคนตายไปเป็นร้อยกว่าคน เกิดที่แคนาดา
พายุ ลมแรงพัดบ้านเมืองเสียหายไปหลายพื้นที่ ในจีน
หิมะตกในจีนเป็นบ้าเป็นหลัง ซึ่งทุกคนอ้างว่าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
สำหรับในประเทศบ้านเรา รวมทั้งนครสวรรค์ด้วย ก็เจอเอา PM 2.5 กันทั้งประเทศ เล่นเอาลูกหลานถึงกับเลือดกำเดาไหลเป็นทิวแถว โรงเรียนบางแห่งถึงกับต้องหยุดเรียน
ใน กทม. รัฐบาลให้ประชาชน ไม่เอารถออกมาขับ ให้ไปขึ้นรถเมล์ รถไฟ ฟรี
เมื่อวันประชุม กรอ.นว.( 26 ม.ค. 68) ผมเสนอที่ประชุมว่า…เรามาทำสถิติค่าการเกิด และ ลด PM ในเชิงการบริหารจัดการกันดีไหม กล่าวคือ ให้ทำสถิติแยกรายอำเภอว่า พื้นที่ปลูกข้าว ปลูกอ้อย แต่ละอำเภอ มีกันกี่ไร่ แล้วมีการเผาแต่ละพืชมีกันอำเภอละกี่ไร่…
เพื่อหาสถิติว่าใครเผา ก็เท่ากับสร้าง PM มาก แล้วเสนอวิธีลดการเผา มีทำอะไรลดได้บ้าง ต้องช่วยเหลือเกษตรกรกันด้วยวิธีการอย่างไร
เมื่อทำแล้วลดลงได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ นายอำเภอ กับ เกษตรอำเภอ จะว่าอย่างไง ?…เพราะถ้าเราทำกันไม่ได้ ความรุนแรงของ PM 2.5 ก็จะทำร้ายเราเพิ่มกันขึ้นทุกปี…
เพราะที่ผ่านมาเราได้แต่พูดคุยกัน การบูรณาการกันไม่มี และไม่มีสถิติเอามาพูดกันเพื่อแก้ไขให้เป็นรูปธรรม…สรุปแล้วที่ประชุมก็รับว่าภาคราชการจะไปดำเนินการ ส่วนภาคเอกชนจะช่วยอะไรได้เช่น…โรงงานรับซื้อฟางข้าวให้มากขึ้น กระจายการรับซื้อออกไปให้ทั่วๆพื้นที่…ครับเรามาตามดูผลกัน !
ก็พอดีมาเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ท่านรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ท่านเรียกผู้ว่าทั่วประเทศไปสั่งการให้เอาจริงเอาจังกับคนเผา ต้องจับมาปรับ มาขังคุก ขังตะรางเสียให้เข็ด
ในทางทฤษฏี การทำนา เมื่อทำเสร็จเหลือตอซัง เอาน้ำเข้านาทิ้งไว้สักเดือน ตอก็เน่า แล้วก็ไถกลบ เป็นปุ๋ยไป นี่ก็วิธีหนึ่ง แต่เมื่อนาไม่ใช่ของเขาจะเอาไปขุดสระน้ำ เจ้าของนาจริงๆก็อาจไม่ยินยอม หรือไม่ก็ไม่มีทุนขุดบ่อ…มันสารพัดปัญหา…แก้ปัญหาหนึ่ง ก็ไปเจออีกปัญหาหนึ่ง…นี่คือชาวนาไทยครับ…
ผิดกับชาวนาญี่ปุ่น ผมไม่เห็นชาวนาญี่ปุ่นเผาที่นาหลังเก็บเกี่ยวเลย…! ไม่เคยเห็นจริงๆ
ฟางข้าว…ก็ขายได้ บอกให้ชาวนาไทยเก็บหลังเก็บเกี่ยวก็มีปัญหาอีก อ้างไม่มีเครื่องมือจัดเก็บบ้าง…อ้างไม่มีคนมาซื้อบ้าง…เผามันเลยดีกว่า…ง่ายดี…นี่คือวิธีคิดของชาวนาบางคน…มีเป็นอย่างนี้จริงๆ
จังหวัดนครสวรรค์…โดยผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเผาเศษวัสดุจากพืช…ก็มิได้นิ่งนอนใจ มีคณะกรรมการติดตาม ตรวจตรา แต่ก็มิวายมีคนแอบเผาจนได้…แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป รัฐบาลเอาจริงแล้ว เพราะฝุ่นมันหนักเอาการ ขืนเห็นใจกันระยะยาวเราจะไม่รอดกัน…การเข้มงวดทางกฎหมายจึงต้องรีบปัดฝุ่นออกมาจัดการกับคนเผา มีเหตุผลอย่างไรก็ต้องไม่ฟังแล้ว…เพราะวันนี้ค่า PM 2.5 มันรุนแรงเกินเยียวยาแล้ว…พี่น้องเกษตรกรก็ต้องเข้าใจ…!
เอ็นดูเขา…เอ็นเราขาด…ชาวนาในจังหวัดเราน่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่ทำนา แต่นาไม่ใช่ของชาวนา คือเช่าที่นามาทำ เพราะฉะนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้หลายรอบการเพาะปลูก เร่งทุกอย่างเพื่อให้คุ้มค่าเช่า…ดังนั้นการทำนาจึงทำไปตามยถากรรมที่เคยทำมา…ถึงเกษตรจังหวัดแนะนำอย่างไงก็ไม่ฟัง…เพราะทฤษฏี กับชีวิตจริง มันหนังคนละม้วน…สังคมโดยรวมจึงต้องรับกรรมจากอาชีพทำนา ทำไร่อ้อย ทางอ้อมไปด้วย…คนดมควันพิษกันทุกวัน…เราจะพากันตายเพราะมะเร็ง และถุงลมโป่งพองกันทั้งประเทศ…คิดให้ดีๆนะคนเผา อย่าเอาแต่ประโยชน์ตนในระยะสั้นๆ…!
ครับ…ก็หวังว่าตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ค่า PM 2.5 มันน่าจะลดลง เพราะรัฐบาลเริ่มเอาจริง เอาจัง ชาวบ้านโวยกันทั้งกระเทศ นายกตัวจริง นายกตัวสำรองเต้นเป็นเจ้าเข้า อย่างนี้ ไม่ลดให้มันรู้กันไป
ช่วยกันติดตามดูนะครับ เพื่อพวกเราจะได้ไม่ตายหมู่กันครับ
………………………………