24.8 C
Nakhon Sawan
วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 2, 2025
spot_img

นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

นักปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้น เป็นปัญหาที่มีความขัดแย้งกันมาหลายศตวรรษ อาจกล่าวได้ว่ากฎหมายทั้งหลายที่บัญญัติขึ้นบนโลกนี้เกิดจากความพยายามของมนุษย์ที่ต้องการสร้างกฎเกณฑ์เพื่อใช้ในการปกป้องสิทธิของมนุษย์ในการอยู่รวมกันในสังคม เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบหรือการข่มเหงรังแกซึ่งกันและกัน เพียงแต่สิทธิมนุษยชนเป็นการแยกออกมาจากกฎหมายทั่วไปให้มีลักษณะเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองหรือการเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จะปฏิบัติต่อมนุษย์เยี่ยงอย่างสัตว์ไม่ได้ เนื่องจากศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายนานาชาติและกฎหมายรัฐธรรมนูญเกือบทุกประเทศ

กรณีปัญหาในกระแสสังคมปัจจุบันสำนักข่าว MGR online วันที่ 14 ตุลาคม 2568 พาดหัวข้อข่าวเพจดัง “ฉะ! นักสิทธิฯ ไทย ตอบแถแบบกระจอก ปมเขมรใช้โล่มนุษย์ ชี้ อังคณา-สุนัย เมินคนไทยถูกละเมิด สวนกลับนักสิทธิมนุษยชนไทยมีไว้ทำไม ตั้งคำถามถึงจริยธรรมของนักสิทธิมนุษยชนไทยอย่าง คุณสุนัยและคุณอังคณา ที่ไปออกรายการเปิดปากกับภาคภูมิ โดยเฉพาะกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

ผู้โพสต์มองว่าคำตอบของทั้งสองท่านที่หลีกเลี่ยงการตอบตรงๆ เรื่องการประณามกัมพูชาที่ใช้โล่มนุษย์และโจมตีพลเรือนไทย เป็นการแถที่น่าผิดหวัง ชี้ขาดความรับผิดชอบต่อคนไทยผู้เสียหาย พร้อมจี้ถามว่าการแสดงความกังวลของนักสิทธิฯ มีไว้แค่ปกป้องคนบางกลุ่มที่ตนเองเห็นด้วยเท่านั้นหรือไม่ และตั้งคำถามว่านักสิทธิมนุษยชนไทยมีไว้ทำไม เมื่อพวกเขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิที่เกิดกับคนไทย (รวมถึงกรณีเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้) แต่กลับให้ความสนใจแต่คนเขมร หรือโจรใต้ พร้อมทั้งตำหนิพฤติกรรมของนักสิทธิฯ ที่มักจะดูถูกและด้อยค่าผู้เห็นต่างว่าเป็นคนคลั่งชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเฉพาะกับผู้ที่เห็นด้วยกับตนเองเท่านั้น”

ซึ่งประเด็นปัญหาของเรื่องนี้เกิดจากการที่ประเทศกัมพูชาใช้ผู้หญิง เด็ก คนชรา คนพิการ ประชาชนทั่วไป และทหารนอกเครื่องแบบ ชุมนุมต่อต้านทหารไทยที่ยึดพื้นที่คืนบริเวณบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว โดยการใช้เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ประกาศว่า Don’t Thai to me และด่าด้วยคำหยาบคายต่างๆ นานา ต่อทหารไทยและประชาชนคนไทยที่อยู่ในบริเวณนั้น จนทำให้คนประชาชนคนไทยที่ดูข่าวสารเกิดความไม่พอใจและทนไม่ได้ที่ผู้ชุมนุมชาวกัมพูชามาด่าด้วยคำหยาบคายต่อทหารไทยและประชาชนคนไทยแบบนั้น และมีชาวกัมพูชาประกาศท้าทายและอยากเจอคุณกันจอมพลังทางสื่อออนไลน์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณกันจอมพลังประกาศรวมตัวกับประชาชนทั่วไปว่า จะไปที่พื้นที่พิพาทดังกล่าวและนำเครื่องเสียงไปเปิดต่อต้านผู้ชุมนุมชาวกัมพูชาบ้าง จึงนำมาสู่การเปิดเสียงผี เสียง F.16 เสียงระเบิด และเสียงอื่นๆ จนทำให้คุณอังคณาและคุณสุนัยทนเห็นชาวกัมพูชาทุกข์ทรมานเช่นนั้นไม่ได้ จึงออกมาเรียกร้องและปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ชุมนุมชาวกัมพูชาและประณามการกระทำของคุณกันจอมพลังและประชาชนที่รู้เห็นเป็นใจด้วย โดยอ้างว่าตนเองเป็นนักสิทธิมนุษยชนเพื่อไม่ให้คนไทยกระทำต่อคนกัมพูชาเช่นนั้น

แต่ในทางตรงข้ามกระทำและคำพูดของคุณอังคณาและคุณสุนัยกลับเป็นการกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศและเป็นการละเมิดต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของคนไทยอย่างมาก และเป็นการไม่เคารพต่อสิทธิมนุษยชนของคนไทย เนื่องจากชาวกัมพูชาบุกรุกอธิปไตยในพื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว ใช้เด็ก คนชรา คนพิการเป็นโล่มนุษย์สร้างความรู้สึกกดดันที่ทหารและคนไทยเข้าไปในแผ่นดินของคนไม่ได้ เปิดเครื่องเสียงดังขนาดใหญ่ด่าหยาบคายดูถูกและเหยียดหยามคนไทย วางทุ่นระเบิดทำให้ทหารและคนไทยขาขาดเป็นจำนวนมากและสร้างความหวาดกลัวจนไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตนได้ ใช้โดรนบินรุกล้ำอธิปไตยสร้างความหวาดกลัวกับประชาชนในขณะหลับนอน ยิง BM-12 เข้าไทยเป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิต ยิงโรงพยาบาล ยิงโรงเรียน ใช้เท้าเหยียบย่ำธงชาติไทย ใช้เท้าเหยียบย่ำเงินตราไทย ใช้เท้าเหยียบย่ำสินค้าไทย ใช้เท้าเหยียบย่ำรูปบุคคลสำคัญของไทย ฯลฯ แต่คุณอังคณาและคุณสุนัยไม่เรียกร้องสิทธิมนุษยชนอะไรให้คนไทยเลย ซึ่งในบทความนี้จะได้อธิบายเกี่ยวกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

คำว่า นักสิทธิมนุษยชน หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชน มีที่มาจากความต้องการที่จะส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนในระดับสากล ซึ่งเป็นแนวคิดที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจากแนวคิดสิทธิธรรมชาติและกฎหมายธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณและโรมัน สิทธิมนุษยชนเป็นคำใหม่ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองพร้อมกับการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติในปี ค.ศ.1945 โดยการรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสมัชชาใหญ่ ค.ศ.1948 คำนี้ได้นำมาใช้แทนคำว่า “Natural right” เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่าสิทธิธรรมชาติเนื่องจากแนวคิดในเรื่องกฎหมายธรรมชาติอันเป็นที่มาของ “สิทธิธรรมชาติ” นั้นถูกโต้แย้งและคัดค้านอย่างมากจึงใช้คำว่า “สิทธิของมนุษย์ (right of man) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคนั้น หากย้อนไปในสมัยกรีกแนวคิดสิทธิธรรมชาติถือว่าใกล้เคียงกับแนวความคิดในเรื่องกฎหมายธรรมชาติในยุคนั้น ตามความคิดของนักคิดสำนักสโตอิก (Stoic) โดยมี Zeno of Cilium เป็นผู้สถาปนาแนวคิดนี้ขึ้น สำนักนี้ถือว่าธรรมชาติสร้างมนุษย์และสรรพสิ่งในจักรวาล การกระทำของมนุษย์จึงต้องสอดคล้องกับธรรมชาติอันเป็นกฎนิรันดรไม่อาจลบล้างได้ และแนวคิดของสำนักนี้ มีอิทธิพลในกรีกโบราณและได้แพร่ขยายไปยังโรมัน ดังนั้นแนวคิดเรื่องกฎหมายธรรมชาติ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายโรมันในลักษณะของกฎหมายที่ใช้ได้กับทุกคน (กฎหมายสากล “Jusgentium” หรือ law of nations) ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้กับทุกรัฐในจักรวรรดิโรมันโดยให้สิทธิบางประการแก่ประชาชนทุกคน (อลงกรณ์ พลบุตร, 2559)

หน้าที่หลักของนักสิทธิมนุษยชน คือ การปกป้อง ส่งเสริม และตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกรูปแบบ ทั้งสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยมีหน้าที่ต่างๆ เช่น การรวบรวมข้อมูล การช่วยเหลือผู้เสียหาย การผลักดันกฎหมายและนโยบายที่ยุติธรรม การให้ความรู้และการเคลื่อนไหวโดยสันติเพื่อสร้างสังคมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (cheewid, 2568) ดำเนินการเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สืบสวนและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน รณรงค์และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและกฎหมายเพื่อสร้างความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำ ให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกป้องสิทธิของตนเองและผู้อื่น ใช้วิธีการที่สันติในการดำเนินงานเพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล องค์กรเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิ (European Union, 2568)

แสดงให้เห็นว่าหน้าที่หลักของนักสิทธิมนุษยชน 1) รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้ความรุนแรง การเลือกปฏิบัติ และการจับกุมโดยพลการ เพื่อให้สาธารณชนและผู้เกี่ยวข้องรับทราบ 2) ให้คำปรึกษา สนับสนุนผู้เสียหายให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ 3) รณรงค์และผลักดันให้เกิดกฎหมาย นโยบาย และแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรม 4) สร้างความเข้าใจและส่งเสริมให้ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเห็นความสำคัญของสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปกป้องสิทธิของตนเองและผู้อื่น 5) ทำงานโดยใช้วิธีการสันติวิธี เช่น การสังเกตการณ์การเลือกตั้ง การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย และการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม 6) ติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชน จัดทำรายงาน และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นการเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนควรทำหน้าที่ของตนเองให้ถูกต้อง และต้องถามตนเองเสมอว่าเรากำลังปกป้องสิทธิมนุษยชนของใครหรือของฝ่ายไหน และต้องตระหนักเสมอว่าเขาเป็นผู้ถูกกระทำหรือเขาเป็นผู้กระทำตรวจสอบให้ยุติเสียก่อน หากเขาเป็นผู้ถูกกระทำก็สามารถเรียกร้องได้เต็มความสามารถ ถ้าหากเขาเป็นผู้กระทำก่อนและค่อยมาถูกกระทำตอบโต้ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ เหมาะสมแก่การป้องกันสิทธิของตนหรือไม่ หรือเกินกว่าการป้องกันสิทธิของตนหรือไม่ สิ่งเหล่านี้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นแล้วนักปกป้องสิทธิมนุษชนอาจกลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียเอง สวัสดีครับ

 

 

ผศ.ปองปรีดา ทองมาดี

(ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต)

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด