ในแวดวงการเมืองของไทย เคยมีนักการเมืองของบางพรรคการเมืองถามดังๆไปยังผู้คนในสังคมโดยไม่รู้สึกอับอายหรือละอายใจว่า ความดีคืออะไร?
พฤติการณ์ ความสำนึกในรูปแบบนี้ เกิดขึ้นในหมู่นักการเมืองส่วนใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งคนดีที่มีการศึกษา มีความสำนึกดีชั่วตามปกติของคนทั่วไปย่อมตระหนักได้ในทันทีว่าเป็นคำถามจาก คนชั่วหรือคนเลว โดยแท้
การที่มนุษย์คนหนึ่งถามลอยๆขึ้นว่าความดีคืออะไร?แสดงว่ามนุษย์หรือนักการเมืองคนนั้นต้องมีความรู้สึกนึกคิด ความสำนึกในทางต่ำทรามและชั่วช้าสามานย์เป็นอาจิณ
ไม่สามารถแยก ดี – ชั่ว ออกจากกันได้ เพราะประพฤติปฏิบัติแต่พฤติการณ์ชั่วๆมาตลอด จนชาชินและรู้สึกเป็นปกติในความชั่วนั้นๆ ไม่เคยสำนึกว่า ความชั่ว นั้นคือ ความเลว ที่ตรงข้ามกับ ความดี
เพราะการศึกษาไทยตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษาไม่สามารถอบรมบ่มเพาะให้เยาวชนที่เติบโตไปเป็นพลเมืองไทยผู้เติบใหญ่ในอนาคต เข้าใจประจักษ์และตระหนักในคำว่า ความดี เพื่อให้ปฏิบัติตนเป็นคนดีอันจะส่งผลสู่สังคมให้เป็นสังคมของคนดี และส่งผลต่อไปถึงประเทศชาติให้เป็น ประเทศชาติบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยคนดีและความดี
ระบบการศึกษาไทยไม่สามารถถ่ายทอดความดีงามทางพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เข้าสู่ความทรงจำ ระบบคิดที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมหรือการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน ในการศึกษา ในการประกอบอาชีพของประชาชนคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะครูบาอาจารย์ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็ยังไม่ถ่องแท้ในเรื่องพุทธประวัติเรื่องศีลธรรม และเรื่องความดีตามแนวทางพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่นๆที่มุ่งอบรมสั่งสอนให้ทุกคนเป็น “คนดี”
จึงไม่สามารถถ่ายทอดคำว่า ความดี,คนดี ให้เยาวชนที่ต้องเติบโตไปเป็นประชาชนได้เข้าใจและตระหนักในคำว่าความดีและคนดี ได้อย่างที่สามารถประทับลงไปในส่วนลึกของจิตใจของปุถุชน
ระบบการศาสนาของไทยก็ไม่สามารถเผยแผ่คำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาอย่าให้คำว่า ความดี ทำดี คนดี ได้แพร่หลายเข้าไปในจิตใจของพุทธศาสนิกชน จนสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติจนสังคมดี บ้านเมืองดี ประเทศชาติดี
เพราะพระสงฆ์องค์เจ้าในบวรพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่ในสังคมไทยเป็นเพียงบุรุษผู้ห่อหุ้มคลุมกายด้วยผ้ากาสาวพัสตร์ แต่ความคิดจิตใจยังหมกมุ่นอยู่ใน โลกียสุข ไม่เคยศึกษาพระธรรม ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย
คำว่า ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ซึ่งมาจากแก่นแท้แห่งความดีงามตามความหมายในพระพุทธศาสนา อาจจะมลายหายไปจากโลกในอีกไม่ถึง 100 ปี ข้างหน้า
อย่าหวังว่า “ความดีในพระพุทธศาสนา” จะยืนยาวถึง 5,000 ปี ดังที่ปรารถนาหรือปลอบใจกันอยู่.