ไม่ว่าจะชายตาแลไปยังมุมใดในสังคมไทย ล้วนแต่ได้เห็น ได้ยิน ได้ยลแต่เรื่องราวของความฉ้อฉล คดโกงของนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ นักการพนันในสังคมไทย
มาถึงวันนี้มี “พระ” โดดเข้ามาร่วมวงฉ้อโกงเงินทองของวัดจนจีวรบานพลิ้วปลิวสะบัดกลายเป็น “ธงวิบัติ” ของ “อรหัน” ( อรหัน อ่านว่า ออ-ระ-หัน : ชื่อสัตว์ในนิยาย สัตว์หิมพานต์ มี 2 เท้า หัวคล้ายหัวคน ท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นนก )
มิใช่ “ธงไชย” ของพระอรหันต์ดั่งที่เคยกล่าวไว้ในพระสูตร
แสดงว่าจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์สุจริตในสังคมมลายไปในสายลมของกาลเวลา
คำสอนในพระพุทธศาสนาไม่สามารถกล่อมเกลาความสำนึก ความรู้สึก นึกคิดของผู้คนที่อ้างตัวว่าเป็น “พุทธศาสนิกชน” เพราะแม้แต่สาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้เผยคำสอนของพระพุทธองค์ยังกลับปฏิบัติสวนทางกับคำสอนของศาสดาของตน.
เป็นความย้อนแย้งในสังคมชาวพุทธอย่างร้ายแรง
เพียงศีล 5 ข้อ 2 ให้ เว้นจากการลักทรัพย์ของผู้อื่น นักบวชในพระพุทธศาสนายังล่วงศีล
มิหนำซ้ำยัง “ประพฤติผิดในกาม” ข้อ กาเมสุมิจฉาจาร แล้วยัง “มุสา” ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อพึงละเว้นใน “เบญจศีล” ซึ่งมี เพียง 5 ข้อ เมื่อเป็นเช่นนี้คงไม่ต้องกล่าวถึง ศีล 227 ข้อ ของพระภิกษุว่าศิษย์ตถาคตหรือสาวกของพระพุทธศาสดาจะสามารถรักษาเอาไว้ได้ แม้เพียง 30-50 ข้อ
ถ้ากรมการศาสนาสามารถจัดการสังคายนาวงการสงฆ์หรือกรองเอากากเดนศาสนาออกไปจากวัดวาอารามทั่วประเทศได้ด้วยการจัดสอบทบทวนความรู้ในเรื่องพระพุทธศาสนาในเรื่องศีล เรื่องธรรม เรื่องพระธรรมวินัย เรื่องเสขิยวัตร ( กิจอันพึงกระทำอันพึงยึดถือปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ บวชอยู่ ของพระสงฆ์ หรือนักบวชในบวรพระพุทธศาสนา ) ว่ามีอะไรบ้างต้องรักษาปฏิบัติอย่างไรบ้าง ?
หรือเรื่องง่ายๆ เรื่องพื้นๆ ของพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับพุทธประวัติพุทธสาวกองค์สำคัญๆ ในพุทธกาล อุบาสก อุบาสิกาคนสำคัญๆในอดีตว่ามีรายละเอียดอย่างไรมีใครบ้าง ?
เพียงเท่านี้ก็สามารถคัดกรองและเก็บกวาดโมฆบุรุษที่เป็นขยะในพระพุทธศาสนา ออกไปได้มากกว่าร้อยละ 90
นอกจากจะได้ยินเรื่องโกงเงินวัดทั่วราชอาณาจักรของบรรดาพระระดับ เจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ฯลฯ ยังเกลือกกลั้วด้วยเรื่อง “มาตุคาม” หรือข้องแวะกับอิตถีเพศ ซึ่งเป็นข้าศึกแห่งพรหมจรรย์จนล่วงพ้นศีลถึงระดับ “ปาราชิก” ที่เปรียบเสมือนกฎหมายขั้นประหารชีวิตในทางโลก
นักบวช ในพระพุทธศาสนาที่กระทำอาบัติถึงขั้นปาราชิกเปรียบเสมือน ตาลยอดด้วน ตัดขาดสวรรค์ นิพพาน ไม่สามารถกลับมาบวชในบวรพระพุทธศาสนาได้อีก
เมื่อพระผู้เป็นสาวกของพระพุทธศาสดาไม่สามารถปฏิบัติตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อเป็นตัวอย่าง และสามารถอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชนได้ สังคมก็หันมาจับตาวงการครูบาอาจารย์ โดยหมายใจว่าจะสามารถอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี มีศีลธรรมถือความซื่อสัตย์ได้ โดยปฏิบัติตัวไม่ต่างจากพระ
เพราะครูบาอาจารย์นั้น สถานะในชีวิตก็เป็นรองพระลงมาเพียงเล็กน้อยเพราะการจะสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดีได้ ครูก็ต้องรักษาศีลมีธรรมประจำใจปฏิบัติตนไม่ต่างจากพระ เพียงแต่ไม่ต้องปลงผม โกนคิ้ว ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ และปฏิบัติตนเป็นอนาคาริก (ผู้สละเหย้าเรือน)
แต่… ครูบาอาจารย์ส่วนหนึ่ง ก็ยังหนีไม่พ้นจาก “โลกียสุข” หลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ของสังคมก็ยังมีข่าวคราวความเสียหายในทางโลกทางโลกีย์ ที่มาจากการกระทำความประพฤติปฏิบัติของครู
มิพักต้องกล่าวถึงความซื่อสัตย์สุจริตของนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้า ฯลฯ ที่ทุจริตคิดคด ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ของผู้อื่น ของเพื่อน ร่วมสังคมร่วมโลก รวมทั้งฉ้อโกงองค์กรและประเทศชาติ เป็นปริโยสานของ นักการเมืองผู้ร่ำรวยจากการคดโกงทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งพฤติการณ์ของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้ทรยศต่อเกียรติยศ วินัย และศักดิ์ศรีของราชภัฏ ( คนของพระราชา ; ข้าราชการ )
ยิ่งพ่อค้าแม่ค้านักธุรกิจที่มีพื้นฐานความคิดที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่สุจริตมาตั้งแต่อดีต ตั้งแต่เด็ก เพราะขาดการอบรมสั่งสอน กล่อมเกลาจิตใจให้เป็นคนดีมาในครั้งเยาว์วัย ยิ่งร่วมกับนักการเมืองชั่วข้าราชการเลว ข้าราชการยิ่งกระหน่ำซ้ำเติมสังคมไทยให้ย่อยยับลงไปกับมือ
ระบบการศึกษาและการศาสนาของประเทศไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถสร้างคนดีมีการศึกษาให้เป็นประชาชนพลเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริต คิดสร้างสรรค์แต่สิ่งดีงามได้มากล้นท่วมท้นแผ่นดิน แต่กลับร่อยหรอ แรมร้าง แสนจะอ้างว้างไปทั่วถิ่นแผ่นดินไทย
โดย “โกสินทร์ ปิ่นสุพรรณ”