“การปกครองระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบการปกครองที่ดีที่สุด เพียงแต่เป็นระบอบการปกครองที่มีข้อเสียน้อยที่สุด”
คำกล่าวของปรัชญาเมธีทางการปกครองในอดีตกาล….
ขนาด “มีข้อเสียน้อยที่สุด” แต่เมื่อตกมาถึงประเทศไทย ทำไม “การปกครองระบอบประชาธิปไตย” จึงทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนล้าหลังประเทศอื่นๆ และยังก่อให้เกิดความน่าอับอายในสายตาของชาวโลก ที่มีการปกครองทั้งในระบอบประชาธิปไตย ระบอบสังคมนิยม ระบอบศาสนานิยม ระบอบทุนนิยม และระบอบเผด็จการทั่วโลก
“ประชาธิปไตย”ในเมืองไทยกลายเป็นระบอบการปกครองที่มีข้อเสียมากมายมหาศาลและมหากาฬ เป็นที่เลื่องลือระบือไกล อย่างน้อยก็เลื่องหรือไปในแผ่นดินประเทศกัมพูชา เป็นต้น
ข้อเสียในด้านความล่าช้าในการตัดสินใจ
การตัดสินใจต้องผ่านกระบวนการอภิปรายและลงมติ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเนิ่นนาน กว่าจะผ่านกระบวนการไปได้กว่าจะล้อบบี้ กว่าจะเกี้ยเซี้ย กว่าจะตกลงผลประโยชน์กันได้ลงตัว….ช้า!
ข้อเสียในด้านค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่ว
ต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง ลากตั้ง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านต่างๆของรัฐสภา ก่อนจะเลือกตั้งก็ต้องใช้งบประมาณในการให้ความรู้กับประชาชน ซึ่งให้ความรู้มาหลายชั่วคนแล้วแต่ก็ยังเลือกได้แต่ ส.ส.เสือหิว จอมงาบ จอมโกง เข้ามาเต็มสภาผู้แทนฯ ค่าใช้จ่ายในการซื้อเสียงของผู้สมัครฯ ยิ่งมหาศาลกว่าราชการหลายร้อยเท่า
ข้อเสียกรณีถูกครอบงำโดย “เสียงข้างมาก”
ผู้ที่เห็นดีเห็นงามกับ “เสียงข้างมาก” ไม่เคยตระหนักเลยว่า “เสียงข้างมาก” ไม่จำเป็นจะต้องเป็นฝ่ายที่ถูกต้องเสมอไป เพราะนักการเมืองชั่วที่ร่ำรวยล้นฟ้าจากการโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง สามารถใช้เงินซื้อคนที่เห็นต่าง ให้หันมายกมือลงคะแนน “เห็นควรด้วย!” ในเรื่องที่ผิดศีลธรรม ผิดจริยธรรมได้อย่างไม่ยากเย็น
โจร 1 ฝูง 10 คนลงมติ 9 คน ให้ฆ่าเจ้าทรัพย์ แล้วโจรที่เหลือ 1 คน จะคัดค้านไม่ให้ฆ่าได้อย่างไร? เพราะ “เสียงส่วนใหญ่” แสดง “โจรามติ” เช่นนั้น
“เสียงข้างมาก” จึงสามารถละเมิดความถูกต้องดีงามได้ตลอดเวลา ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือเสียงสกปรกตามกติกาประชาธิปไตย
ข้อเสีย “เสี่ยงต่อการถูกครอบงำโดยกลุ่มผลประโยชน์”
เคยได้ยินกรณี “เสาไฟฟ้ากินดีอยู่ดี” ของเทศบาลตำบลราชาจ้ำบ๊ะ! แถวๆเมืองนครเขื่อนขัณฑ์บ้างไหมครับ?
เสาไฟฟ้าราคาต้นละ 20,000 – 30,000 บาท สามารถยกมือลงมติซื้อได้ในราคาต้นละกว่าแสนบาท เคยติดตั้งเสาไฟฟ้าห่างกันช่วงละ 100 เมตร ก็สามารถลงมติร่นเข้ามาหากัน เหลือระยะห่างเพียงต้นละ 10 เมตร เคยติดตั้งเฉพาะในชุมชน เสียงส่วนใหญ่ก็ลงมติ ให้ติดตั้งได้ทั้งในท้องไร่ ท้องนา ตามป่าละเมาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผีสางนางไม้ได้เจอะเจอแสงนีออนบ้าง! เพราะ “เสียงข้างมาก” มาจากกลุ่มผลประโยชน์
ข้อเสียจาก “ความไม่รู้ของประชาชน”
ความไม่รู้ ความไม่รับรู้ ความไม่อยากรู้เรื่องบ้านเมือง เรื่องฉ้อฉลของนักการเมือง เรื่องการโกงกินของ ส.ส. รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี เรื่องของประชาชนผู้ยากไร้ที่ต้องวุ่นวายอยู่กับการทำมาหากิน “หาเช้ากินค่ำ” เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอดไปวันๆ
เพียงนักการเมืองแจกเงินเล็กๆน้อยๆในรูปเศษเงิน 100 เพื่อเข้าไปโกงเงินล้านในรัฐสภา ชาวประชาผู้ยากไร้ก็ยินดีในเศษเงิน โดยไม่สนใจว่านักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ตะเกียกตะกาย ฆ่ากันตาย เพื่อเข้าไปพล่าผลาญงบประมาณบ้านเมืองมหาศาล ซึ่งมีตัวอย่างให้ได้ประจักษ์ทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา ซึ่งต่างก็ประสานความต่ำช้าในวงจรอุบาทว์ในฐานะเครือญาติ วงศ์วานว่านเครือ
เพราะ “ประชาธิปไตย” ในเมืองไทย ไม่ใช่ประชาธิปไตยในอุดมคติตามแบบของชาติตะวันตกในอดีต ครั้งเพลโต,อริสโตเติ้ล ซึ่งเป็นประชาธิปไตยของผู้มีการศึกษา ผู้มีจิตใจสูง ผู้รักชาติอย่างสุจริตใจ
ไม่ใช่ “รักชาติจนน้ำลายไหล!”
ประชาธิปไตยในเมืองไทยจึงเป็นเพียง “ธนาธิปไตย” (ธน(ทรัพย์สิน)+อธิปไตย) ของบรรดามหาโจรปล้นแผ่นดิน ดังที่เราพบเห็นอยู่ในขณะนี้
ถ้อยคำหรือสำนวนภาษาที่นักวิชาการทางการเมือง,รัฐศาสตร์ นำมาอ้างเพื่อปลอบประโลมใจให้ชาวไทยและอีกหลายชาวในหลายประเทศให้คลายวิตกจริตคือ
“แม้ว่าประชาธิปไตยจะไม่ใช่ระบอบการปกครองที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังเป็นระบบระบอบที่ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งทำให้มีข้อเสียน้อยกว่าระบอบการปกครองอื่นๆ”
แต่การรักษาระบอบประชาธิปไตยให้อยู่ยั้งยืนยงได้ตลอดไปนั้นจำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจของประชาชน และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในสังคม
โดย “โกสินทร์ ปิ่นสุพรรณ”