28.4 C
Nakhon Sawan
วันพุธ, กรกฎาคม 2, 2025
spot_img

สภาอุตสาหกรรมฯ สัมพันธ์

ผู้อ่านสวรรค์นิวส์และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์……………………………………. @ สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ขอเชิญองค์กรภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่สนใจ ส่งผลงานเข้าร่วมประกวด Climate Action Awards 2025 ภายใต้งาน CCI Climate Change Forum 2025 เปิดรับสมัครและส่งผลงานตั้งแต่วันนี้ – 8 สิงหาคม 2568 มอบรางวัลในงานสัมมนาวิชาการ วันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2568 ณ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ

ประเภทรางวัล

Climate Action Excellence

Climate Action Leader

Climate Action Initiating

Certificate of Climate Commitment

สามารถดูรายละเอียดการสมัคร เกณฑ์รางวัล ได้ที่ https://drive.google.com/…/1LTrmvCu188eTjOIn3Sc4qkLtmu7…

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณฑิตยา น้อยถนอม (หนึ่ง) โทร. 02 345 1270 อีเมลล์ [email protected] ร่วมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อน Climate Action สู่สังคมที่ยั่งยืน

……………………………………. @ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แนะรัฐเร่งมาตรการเชิงรุก หนุนความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม กลับสู่ทิศทางบวก นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ดร.วิรัช ฉัตรดรงค์ รองประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ส.อ.ท. ร่วมเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 88.1 ปรับตัวลดลง จาก 89.9 ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์อุทกภัยและการรั่วไหลของสารเคมีในภาคเหนือ กระทบต่อภาคเกษตรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ประกอบกับคู่ค้าในต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอการสั่งซื้อสินค้า จากการเร่งสต็อกสินค้าในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้นความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าชายแดนในระยะสั้น อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ส่งออก รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อาทิ ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง กระทบกำลังซื้อในภูมิภาค ภาวะอุปทานส่วนเกินในจีนและความไม่แน่นอนของการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังคงส่งผลให้เกิดการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนเพิ่มขึ้นกระทบยอดขายผู้ผลิตในประเทศ และปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุนสะท้อนจากยอดการจัดตั้งธุรกิจ (ช่วงเดือน มกราคม-เมษายน 2568) ลดลง -4.39%(YoY) ขณะที่ยอดการเลิกกิจการเพิ่มขึ้น 8.34%(YoY)

อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม ยังคงมีปัจจัยบวกจากธนาคารพาณิชย์มีการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำให้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน รวมถึงต้นทุนค่าพลังงานยังคงทรงตัวจากมาตรการตรึงราคาของภาครัฐ เช่น ค่าไฟฟ้า 3.98 บาท/หน่วย (งวดเดือน พฤษภาคม–สิงหาคม 2568) และน้ำมันดีเซล 31.94 บาท/ลิตร

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,351 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 64.2% เศรษฐกิจโลก 61.2% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 50.3% ราคาน้ำมัน 26.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.6% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 32.8%

ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 91.7 ลดลงจาก 93.3 ในเดือนเมษายน 2568 เนื่องจากผู้ประกอบยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับ Reciprocal Tariff จากความไม่แน่นอนการเจรจาทางภาษีกับสหรัฐอเมริกา อาจกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน และความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลกและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะมาจากมาตรการลงทุนภาครัฐ 1.57 แสนล้านบาทครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และท่องเที่ยว คาดว่าจะหนุนจ้างงาน สร้างรายได้ และเสริมศักยภาพการเติบโตเศรษฐกิจในระยะยาว

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

  1. ขอให้ภาครัฐเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายและออกมาตรการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย เช่น พัฒนาระบบข้อมูลติดตามข้อมูลการนำเข้าและส่งออกไปยังสหรัฐฯ การตรวจสอบย้อนกลับโรงงานที่ยื่นขอใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) และการทบทวนเงื่อนไขการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร (Free Zone) เป็นต้น
  2. ขอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) อาทิ การขยายตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง การลดต้นทุนการผลิต
  3. ขอให้ภาครัฐจัดสรรงบประมาณในการส่งเสริมผลิตภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ สําหรับ SMEs และการนําเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Automation & Robotic) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและข้อมูลตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยงานต่างๆ ย้อนหลัง 3 ปี จัดทำเป็น Dashboard เผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม Industry Data Space (iDS) ของ ส.อ.ท. เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถเข้าไปใช้บริการข้อมูลดังกล่าวได้ที่ https://fti.or.th/ids

……………………………………………………. @ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568 – 2569) วงเงิน 30,000 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมมีความร่วมมือกับธนาคาร 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) จัดทำ “โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568 – 2569)”

วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมสภาพคล่องสถานประกอบการและรักษาการจ้างงานสถานประกอบการที่สามารถเข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 12 เดือนติดต่อกัน

ระยะเวลาการขอสินเชื่อ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2569 หรือ จนกว่าจะวงเงินโครงการฯ

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม https://shorturl.asia/y6i2t วีดีทัศน์รายละเอียดโครงการ https://youtu.be/bpQcwR0I328 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โครงการสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการจ้างงานกองบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม โทร. 02-956-2446 , 02-956-2448, 02-956-2241 งานแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โทร. 02-345-1035 , 086-625-4687

…………………………………. @ คุณต้องการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปปรับใช้ในองค์กรของคุณหรือไม่? สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมเป็นตัวกลางเชื่อมโยงคุณเข้ากับงานวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญที่ตรงกับความต้องการของคุณ แจ้งความต้องการของคุณได้ที่ https://forms.gle/FnzYL8AnrtScMLRd6 ฟรี‼ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับสมาชิก ส.อ.ท. เท่านั้น

สอบถามเพิ่มเติม สถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย E-Mail: [email protected] โทร. 02-345-1238 ถึง 40 LINE: https://lin.ee/Qg3qTN3Facebook: https://www.facebook.com/INNO.FTI/

…………………………………….. @ รวมมิจ กลโกงหลอกโอนเงิน รวมรูปแบบการหลอกลวงที่มิจฉาชีพใช้ จำให้ขึ้นใจ ให้โอนเงินก่อน = มิจฉาชีพ

.              1. หลอกให้ร่วมลงทุน ให้เหยื่อโอนเงิน “เริ่มต้นลงทุน” หรือ “เปิดบัญชี” แรก ๆ ได้ผลตอบแทนดี พอลงมากขึ้น ก็เชิดเงินหนี

.              2. อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ / ธนาคาร / ตำรวจ โทรมาหลอกว่า เหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เช่น ฟอกเงิน หรือพัสดุต้องสงสัย พูดจาข่มขู่ให้กลัว แล้วบอกให้ “โอนเงินเข้าบัญชีตรวจสอบ” สุดท้ายเงินหาย ไม่มีการตรวจสอบจริง

.              3. หลอกกู้เงิน / สินเชื่อด่วน โฆษณาว่า อนุมัติไว ไม่เช็กเครดิต หลอกให้โอน “ค่าดำเนินการ” / “ค่าประกัน” ล่วงหน้า เมื่อโอนแล้วจะเงียบหาย หรือบอกว่าไม่ผ่าน – ไม่มีเงินคืน

.              4. หลอกให้ทำงานออนไลน์ (เช่น กดไลก์ กดแชร์ รีวิว ปักตะกร้า) ชวนทำงานง่าย ได้ค่าตอบแทน เช่น วันละ 500-1000 บาท ทำภารกิจแรกได้เงินจริง จากนั้นหลอกให้ “เติมเงิน” เพื่อรับงานชุดใหญ่ โอนแล้ว งานหาย เงินหาย ไม่มีจ่ายจริง

.              5. หลอกว่า ได้รางวัล / ได้ของฟรี / ได้พัสดุจากต่างประเทศ แจ้งว่า คุณถูกรางวัล เช่น โทรศัพท์ รถ หรือเงินสด แต่ต้องโอน “ค่าภาษี” / “ค่าจัดส่ง” / “ค่าดำเนินการ” ก่อนสุดท้ายไม่มีรางวัลใด ๆ

.              6. หลอกรับเหมาซื้อเสื้อผ้ามือ 2 / สิ่งของ โพสต์รับซื้อเสื้อผ้ามือ 2  ให้เข้ากลุ่มโอเพนแชต ซึ่งมีแต่หน้าม้า หลอกซื้อเสื้อผ้าผู้เสียหาย และมียอดเงินในระบบ แต่ยอดไม่ถึงเกณฑ์ที่จะถอนได้ ต้องเติมเงินให้ยอดถึงเกณฑ์ก่อน สุดท้ายเป็นแค่ยอดปลอม ๆ ไม่สามารถถอนออกได้ ที่มาข้อมูล : ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท

…………………………………….@ แรงงานเฮ! บอร์ดค่าจ้าง เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วกทม. ส่วนต่างจังหวัดเฉพาะบางกิจการ เริ่ม 1 กรกฎาคม นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ในหลายพื้นที่และกลุ่มกิจการทั่วประเทศ โดยถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการยกระดับรายได้ให้กับแรงงานไทย ตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งให้แรงงานไทยมีค่าจ้างที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ดังนี้

พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทั่วพื้นที่

ต่างจังหวัด ปรับค่าแรง 400 บาท เฉพาะบางกิจการ ได้แก่ โรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป กิจการที่มีห้องอาหารในโรงแรม สถานบริการ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ เช่น คาราโอเกะ ค็อกเทลเลานจ์ เป็นต้น

การปรับขึ้นครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป และจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป คาดว่าจะมีแรงงานได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ประมาณกว่า 700,000 คน

พร้อมกันนี้ กระทรวงแรงงานยังได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือนายจ้าง โดยร่วมกับ 6 ธนาคารรัฐและเอกชน เปิดโครงการสินเชื่อรวม 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสถานประกอบการที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับค่าจ้าง สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อปรับตัวได้อย่างราบรื่น ที่มาข้อมูลจาก : กระทรวงแรงงาน

………………………………….@รัฐบาลเดินหน้าปราบแรงงานต่างชาติทำงานผิดกฎหมายต่อเนื่อง พร้อมเปิด 4 อาชีพที่คนไทยโดนแย่งงานมากที่สุด โดยกระทรวงแรงงาน บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสนธิกำลังปราบปรามแรงงานต่างชาติลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ผลการดำเนินการในปีงบฯ 2568 (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 18 เมษายน 2568) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 38,734 แห่ง ดำเนินคดี 1,329 แห่ง และตรวจสอบแรงงานต่างชาติ จำนวน 523,706 คน มีการดำเนินคดีกับแรงงานต่างชาติทั้งสิ้น 2,575 คน ในจำนวนนี้ พบเป็นการแย่งอาชีพคนไทยถึง 883 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 481 คน กัมพูชา 139 คน ลาว 109 คน อินเดีย 24 คน เวียดนาม 54 คน จีน 21 คน และสัญชาติอื่น ๆ 55 คน

อาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ ส่วนงานที่คนต่างชาติถูกดำเนินคดีเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้แก่ งานขายของหน้าร้าน งานช่างก่อสร้าง และงานกรรมกร ตามลำดับ

พร้อมย้ำเตือนแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่ทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และจะถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ ขณะที่นายจ้าง/สถานประกอบการที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี หากประชาชนพบเห็นการจ้างแรงงานต่างชาติโดยผิดกฎหมาย แจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694………………………………….@ หน่วยงานที่มีข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดนครสวรรค์สามารถฝากข่าวผ่านสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ หรือต้องการสมัครเป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ติดต่อสอบถามได้ที่ นายชาณัฐธนพล  แสงสุข ผู้จัดการสำนักงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์ 056-245497,081-0428 934 โทรสาร 056-245 498 e-mail: [email protected], https://www.facebook.com/Nakhonsawan.fti

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด