ตั้งแต่สีกาดอกไม้ ไม่ปรากฏนามสกุล ที่มีชื่อเล่นว่า “กอล์ฟ” แต่ประพฤติตนเป็น “หลุมกอล์ฟ” ของบรรดาพระภิกษุลัทธิลังกาวงศ์ในสยามประเทศ โด่งดังกระหึ่มเมืองไทย
ทั้งตำรวจ ทั้งพระ ทั้งสื่อมวลชนและสาธุชนต่างไม่เป็นอันกิน อันนอน อันนั่ง อันยืนและอันเดินบิณฑบาต เพราะต่างต้องตั้งตารอฟังกันจนตาตั้งว่าข่าวคราวที่พระคุณเจ้าระดับ “เทพ” พากันล่องหนหายตัวบ้าง พากันลาสิกขาหรือลาศึกษาจากหลักสูตรสาวกพระพุทธศาสดาออกไปเป็น “ทิด” บ้าง “สมี” บ้าง….อย่างครึกครื้นและเป็นล่ำเป็นสันเป็นหมู่คณะ
เพราะต่างรักต่างสามัคคีในอิตถีหรือสตรี สีกากอล์ฟ….คนเดียวกัน
ในวันที่ผมกำลังร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ของวงการศาสนาลัทธิสยามวงศ์ (วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568) บรรดาพระชั้นเทพ (เจ้าคุณ) กำลังแย่งชิงกันสึกแย่งชิงกันหนีไปเป็นสมี และพยายามหลีกลี้การพบปะสนทนากับบรรดาผู้สื่อข่าว ผู้รายงานข่าว ผู้สื่อข่าว และอีกาคาบข่าวอย่างหัวซุก (ตักสีกากอล์ฟ) หัวซุน (ลงหลุมกอล์ฟ) อย่างอึกทึกครึกโครม
อย่าได้ใส่ร้ายฝ่ายสีกาแต่ฝ่ายเดียวว่ามีแผนประทุษกรรมพระสงฆ์ผู้ทรงศีลว่าดำเนินยุทธการนารีพิฆาต เพราะการตบมือข้างเดียวไม่มีวันที่จะเกิดเสียงดัง
ถ้าพิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการ ด้วยใจเป็นธรรม จะเห็นได้ว่าฝูงพระซึ่งมีฐานะฯระดับขั้นเทพ สูงด้วยอายุและความดันโลหิต ทั้งยังดันทุรัง มีการศึกษาระดับมหาบาเรียน เปรียญ 9 ประโยค เทียบกับทางโลกก็ปริญญาเอก ฐานะทางการเงินก็ระดับอภิมหาเศรษฐีอมตะนิรันดร์กาล
ไยกลับมาพ่ายแพ้อิสตรีที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “นางมารร้าย” ผู้คอยพิฆาตพระ ทั้งที่ฝูงพระต่างหากที่รวมหัวกันกระทำชำเราเธอโดยเรียงหน้าเข้าย่ำยีสีกาเป็นพระอันดับ
ถึงขนาดบอกกล่าวเล่าขานกันในหมู่สมีสหายธรรมว่าเธอคือ “สังฆทานเวียน” ในหมู่พระระดับอาเสี่ย
ในขณะที่สีกาเป็นคนที่ด้อยการศึกษากว่าพระ อายุน้อยกว่าบรรดาหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา ทั้งปวง ทั้งยังหัวเดียวกระเทียมลีบ
ใครคือผู้ที่สังคมควรประณามหยามหยันกว่ากัน!
—————————