เรื่องราวฉาวโฉ่ คาวโลกีย์ในแวดวงของ “คนห่มเหลือง” ยังดังกระหึ่มไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วจางลงบ้างเลย เพราะจำนวนของ นักบวชทุศีล ในแวดวงพุทธศาสนาของเมืองไทยมีมากมายเหลือจะกล่าว
ประเพณีการสละบ้านเรือน วิถีของคฤหัสถ์ซึ่งเปลี่ยนไปด้วยความทุกข์ “ออกบวช” ตามแบบสาวกของพระพุทธศาสดาซึ่งมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล แปรเปลี่ยนไปอย่างหน้าด้านๆในปัจจุบัน
พระสงฆ์ซึ่งเกือบ 100% เป็น สมมุติสงฆ์ ยากนักจัดหาอริยสงฆ์ได้เหมือนควานหาเกล็ดเพชรในกองทราย
พระสงฆ์ซึ่งต้องสละกิเลส ละตัณหา ตัดราคะ ต้องเป็นผู้มักน้อยในทรัพย์ศฤงคาร ต้องสุขในสันโดษ และดำเนินชีวิตด้วยความสมถะ สละความสุขในทางโลกหรือโลกียวิสัย
มุ่งศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจาริกไปในเขตคามนิคมชนบทเพื่ออบรมเวไนยสัตว์ให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของทุกข์ เข้าใจและเปี่ยมสุขในทางธรรม เพื่อสร้างความสุขอันเย็นฉ่ำด้วยรสและร่มพระธรรมซึ่งเป็นความจริงและความสุขแท้อันเป็นอกาลิโก คือความไม่มีวันล้าสมัย ถูกต้องในทุกกาลและตลอดกาล
พระต้องอยู่ป่าอยู่อาราม ที่สงบ วิเวก เพื่อปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาศึกษาพระไตรปิฎก เคร่งครัดในศีลในพระธรรมวินัย ครองศีล 227 ข้อให้บริสุทธิ์
ต้องลดละความโลภในทรัพย์สินเงินตราซึ่งเป็น งูเห่า ในทางโลก ต้องหลีกเร้นให้พ้นจากภัยใน มาตุคาม ซึ่งเป็นศัตรูของพรหมจรรย์ถึงขั้นปาราชิกถ้านักบวชในพระพุทธศาสนาเผลอใจหรือตั้งใจไปล่วงละเมิด
แต่นักบวชทุศีล หรือโล้นห่มเหลือง หรือ ชีโล้น ในแวดวงหรือในรั้วของวัดวาอารามในทุกวันนี้ ต่างลุ่มหลงในวัตถุ ลาภสักการะ ตัณหา ราคะในโลกียวิลสัย
ใช้ชีวิตนักบวชเหมือนเศรษฐีผู้มีเงินอย่างฟุ่มเฟือย ที่ยังลุ่มหลงอยู่ในกามโลกีย์ ไร้สาระในทางพระธรรมวินัย และห่างไกลจากวิถีของศิษย์ตถาคตไปไกลจนเกินจะกู่ร้องป้องปากตะโกนเรียกให้หยุดยั้งหรือถอยคืนสู่วิถีของนักบวชในพระพุทธศาสนาของพระพุทธศาสดา!
บก.