25.8 C
Nakhon Sawan
วันศุกร์, ตุลาคม 3, 2025
spot_img

ที่นี่…สถานีเจ้าพระยา

ตอน : มาตุคามเป็นศัตรูของพรหมจรรย์

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่รังเกียจเพศหญิงหรือเพศแม่ เพราะแม่คือสตรีผู้ประเสริฐ ผู้ให้กำเนิดมนุษย์ทุกเพศโดยไม่เลือกเพศ

คำพูดของมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ในยามที่พูดหรืออ้างถึงบุพการี มักจะเอ่ยถึงพ่อก่อน แล้วจึงตามด้วยแม่ เช่น ฝรั่งจะเอ่ยว่า Father ก่อน Mother บางทีใช้ Papa ต่อด้วย Mama จีนออกเสียงเรียกว่า ป้าปะ,ป้าปา และหม่าม่า,หม่าม้า หรือ ม้า เฉย ๆ รวมทั้ง เหล่าม่า ซึ่งเป็นทางการ

ส่วน ปะปิ๊ มะมิ หรือ ปิปิ๊ หมิมิ เป็นสำเนียงพิเศษที่พระละแวกปทุมธานีใช้กับสีกาคนสนิท แล้วไม่ได้ใช้ในความหมายของพ่อและแม่ แต่เป็นคำแทนตัวพระกับสีกาที่เป็น  “หวานใจของชายในผ้าเหลือง”….ฮา!

จะเห็นได้ว่าบรรดาผู้คนชนชาติต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับพ่อมากกว่าแม่

แต่ในพุทธศาสนาให้คุณค่าความสำคัญแก่มารดามากกว่าบิดา

สังเกตจากคำพระในบทสวดต่าง ๆ ถ้ามีคำว่า พ่อ,แม่เข้ามาเกี่ยวข้องในภาษาบาลีจะใช้ว่า มาตา ปิตุ หรือ มาตาปิตโร หมายถึง แม่,พ่อ ไม่ใช่ พ่อ,แม่

พระ เณร เถรชีที่บวชนาน ๆ เวลาสนทนาธรรมกับฆราวาสหรือในยามแสดงธรรมเทศนา จะพูดว่า “อันว่าแม่พ่อ….!”

ไม่ใช้ว่า “อันว่า พ่อ,แม่….!”

พระรูปหนึ่งในวัดหนึ่งที่จังหวัดหนึ่งมีภาระต้องใช้บริการไปรษณีย์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์แห่งหนึ่งในวันหนึ่ง ซึ่งผมกำลังยืนเขียนข้อความโทรเลขอยู่ตรงเคาน์เตอร์ และท้ายข้อความต้องใส่ ชื่อ สกุลของผมลงไปด้วย พร้อมวางบัตรประจำตัวประชาชนลงตรงหน้าเจ้าหน้าที่ เพื่อยืนยันตัวตน

พระรูปนั้นบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ ผม ทำสีหน้าฉงนตอนที่ได้ยินเสียงผมที่กำลังคุยกับเจ้าหน้าที่ และพระรูปนั้นก็ชะโงกมาอ่านชื่อของผมบนกระดาษที่กำลังเขียนข้อความโทรเลข แล้วอุทานว่า….

มิน่าล่ะ! อาตมาก็ว่าฟังเสียงคุ้น ๆ โยมโกสินทร์ ปิ่นสุพรรณนี่เอง อาตมามาเขียนไปรษณีย์บัตรไปขอเพลงในรายการเที่ยงวันหรรษาของโยมอยู่บ่อย ๆ ….ฮา!

ผมรู้สึกอัญญาสิ! ขึ้นมาทันที

อ้าว! หลวงพี่เองหรือครับ? ที่เป็นเจ้าของไปรษณียบัตรขอเพลงที่ใช้ชื่อว่า “แสนสุโข” ผมสงสัยมานานแล้วว่าต้องเป็นพระหรือเณร

พระฉงนใจว่าทำไมจึงรู้ว่าท่านคือ “แสนสุโข” เจ้าของจดหมายขอเพลงผมจึงเฉลยว่า เพราะลายมือสวยมากประการหนึ่ง

เวลาเรียกพ่อแม่ จะใช้ว่า แม่พ่อ เสมอตามภาษาพระที่เคยชิน อีกประการคือถ้าเป็นฆราวาสหรือคนทั่วไป มักจะใช้คำว่า แสนสุข แต่ท่านใช้ แสนสุโข ซึ่งเป็นการลงวิภัติปัจจัยตามระเบียบคำพระ….ฮา!

พระกับพนักงานไปรษณีย์ก็ร่วม ฮา! ไปกับผม

เป็นข้อยืนยันว่า ในพระพุทธศาสนาให้เกียรติมารดาก่อนบิดา

แต่ที่ต้องห้ามพระข้องแวะกับมาตุคาม อิสตรี หรืออิตถีเพศ เพราะการบวชคือการสละ ละวิถีชีวิตในทางโลก ซึ่งข้องเกี่ยวกับกามโลกีย์ที่เป็นศัตรูผู้ขัดขวางการดำเนินวิถีชีวิตของบรรดาพุทธสาวก

ทั้งนี้เพื่อตัดความห่วงใย อาลัยอาวรณ์ในวิถีชีวิตผู้ครองเรือนให้เป็น อนาคาริก คือผู้ไม่มีเคหสถาน พูดสละบ้านเรือน หรือผู้ไม่มีความห่วงใยในเหย้าเรือน ผู้ไร้บ้าน ไร้กังวลทางโลก ผู้ออกไปถือเพศเป็นบรรพชิต

เป็นการตัดวงจรการเกิดลูกเต้า ให้เป็นวัฏจักรของทุกข์ การสะสมทรัพย์สมบัติในทางโลก สละความรักในทางเพศซึ่งเป็นความทุกข์ มาเป็นผู้ครองพรหมจรรย์ เว้นจากการเสพเมถุน หรือการร่วมเพศกับอิสตรี ซึ่งต่อมาก็มีวินัยบัญญัติรวมถึงการร่วมเพศกับชายด้วยกัน กะเทย สัตว์ ซากศพ แม้แต่การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองก็ผิดศีลในข้อ สังฆาทิเสส ซึ่งรองลงมาจากปาราชิก

แต่ถ้าถึงขั้นเสพเมถุนกับมาตุคามหรือสตรี ชาย กะเทย สัตว์ ซากศพ ก็ถึงขั้นปาราชิก หรือโทษประหารชีวิตในทางพระ เป็นตาลยอดด้วน ไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก

บุรุษผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องการบริสุทธิ์ผุดผ่องในศีล ไม่ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของเพศบรรพชิต จึงห้ามแม้เกี้ยวพาราสี ห้ามอยู่กับสีกาหนึ่งต่อหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าสองต่อสองในที่ลับหู เพราะจะพูดจาพาทีไม่ดีต่อกันอย่างไร? ก็ไม่มีใครได้ยิน

เป็นกรณีต้องห้าม

ยิ่งอยู่ในที่ลับตา กับสีกา สองต่อสอง (ที่จริงคือ หนึ่งต่อหนึ่ง….ฮา!) ยิ่งห้ามเด็ดขาด เพราะเป็นโอกาสให้พระสามารถประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะกับสีกาได้โดยง่ายโดยไม่มีใครสามารถรู้เห็นเป็นพยาน

นอกจากมีกล้องวงจรปิด หรือคลิปวีดีโอที่เผลออัดไว้หรือสีกาแอบอัดไว้เพื่อใช้ประกอบการข่มขู่เรียกเงินทองในภายหน้า ดั่งที่สีกากอล์ฟได้กระทำเป็นตัวอย่าง วางแนวทางให้สีการุ่นต่อ ๆ ไปได้ใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงชีพ

ในพระพุทธศาสนาจึงห้ามนักห้ามหนาว่า “มาตุคามคือข้าศึกของพรหมจรรย์”

พระที่บวชเรียนด้วยความตั้งใจบริสุทธิ์ จึงต้องละเว้นหรือหลีกหนี “มาตุคาม” เพื่อความบริสุทธิ์ของศีล

แต่บรรดาพระผู้ยังไม่สามารถตัดกิเลส ตัณหา ราคะได้ ที่บวชกันโครม ๆๆ ก็เพราะไม่มีหนทางทำมาหากินประการหนึ่ง

บวชเพราะเห็นว่า อาชีพนักบวช นั้น “รายได้ดี ภาษีไม่ต้องเสีย มีเมียก็ได้” ก็มาก

(กรณีนี้ ไม่ได้หมายรวมถึงพระที่ดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ)

เมื่อบวชจนร่ำรวยเป็นหลวงเสี่ย ก็มักจะมีเมีย กันไม่น้อยกว่า 1 คน จนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ เป็นข่าวพาดหัวตัวโตตามหน้าหนังสือพิมพ์เช่นนี้….แล!

—————————

 

โดย “โกสินทร์  ปิ่นสุพรรณ”

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด