การล้ำเส้น เป็นคำกล่าวที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ มีนักบริหาร ได้กล่าวถึงคำว่า “ล้ำเส้น” ไว้หลายแนวคิด เช่น ล้ำเส้นเป็นการปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่ตนเอง(Acting outside) “การก้าวก่ายหรือการกระทำที่เกินขอบเขตที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเมิดพื้นที่ส่วนตัวหรือสิทธิของผู้อื่น เป็นการแสดงพฤติกรรมที่เกินขอบเขตหรือล่วงเกินผู้คนรอบข้าง จนทำให้เกิดความขุ่นเคืองหรือไม่พอใจได้”
จึงสามารถสรุปได้ว่า “ล้ำเส้น” หมายถึง การกระทำหรือพฤติกรรมที่เกินขอบเขต หรือ ล่วงเกิน เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวหรือขอบเขตที่ผู้อื่นไม่ยินยอม ซึ่งอาจเป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ที่เป็นขอบเขตอำนาจและหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น
ความสำคัญของการล้ำเส้น
ในการบริหารจัดการในองค์กรทุกระดับ เช่นในระดับประเทศ ย่อมมีเขตแดนกำหนดการดำรงความเป็นชาติบ้านเมือง ภายใต้รัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ เมื่อใดก็ตามหากมีการรุกล้ำเส้นเขตแดน ผลที่ตามมาก็คือความขัดแย้ง ทั้งในเชิงนโยบายและในเชิงมนุษยธรรมความเป็นอยู่ของประชาชนของแต่ละประเทศ ดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
ในระดับองค์กรแต่ละองค์กร จะมีขอบเขตของตนเอง ทั้งระเบียบ กฎหมาย ตำแหน่ง รวมทั้งภารกิจหน้าที่ตามตำแหน่งในแต่ละระดับ เมื่อใดก็ตามหากมีการละเมิดล้ำเส้นเกิดขึ้น ความขัดแย้งต่างๆย่อมเกิดขึ้นภายในองค์การนั้นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่ถูกกำหนดไว้เป็นกรอบขององค์กรโดยทั่วไปก็คือ ตำแหน่งของบุคลากรในองค์กร บวกกับอำนาจหน้าที่ที่ถูกผูกมากับตำแหน่ง รวมทั้งระเบียบปฏิบัติที่ถูกกำหนดไว้ในองค์กร
ส่วนองค์กรครอบครัวก็ประกอบไปด้วยโครงสร้างบุคคลในองค์กร เช่น บิดา มารดา บุตร ธิดา ต่างก็มีภาระหน้าที่ และขอบข่ายภาระงานตามขอบเขตของครอบครัว
เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกในครอบครัวเกิดการละเมิดสิทธิหน้าที่ขึ้น ความขัดแย้งในครอบครัวจะเกิดขึ้นมาทันที
เมื่อมองไปถึงองค์กรทางการศึกษา ในโครงสร้างขององค์กรจะประกอบไปด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานจัดการศึกษา เป็นผู้บังคับบัญชาของครูและบุคลากรทางการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาก็คือผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ละตำแหน่งก็จะมีภาระงานที่รับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อใดก็ตามที่สมาชิกในองค์กรไม่รู้จักภารกิจหน้าที่ของตนเอง หรือรู้แต่ก็ไม่ปฏิบัติ ย่อมนำความไม่สงบสุขมาสู่องค์กรนั้นๆ สิ่งจำเป็นการใช้อำนาจหน้าที่มีพื้นฐานมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ และกฎหมายอื่นๆที่ถูกกำหนดขึ้นมาโดยไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ การใช้อำนาจในการบริหารงานการศึกษา ผู้เกี่ยวข้องต้องเข้าใจบริบทขององค์กรด้านการศึกษาที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับครูที่เป็นบุคลากรในการถ่ายทอดทักษะความรู้ ความดีงาม คุณธรรม จริยธรรม การอบรมสั่งสอน และแบบอย่างให้แก่นักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังต้องรู้จักอำนาจหน้าที่ที่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของสมาชิกในองค์กร ในการตัดสินใจตามโอกาสที่เหมาะสม อาจเรียกว่า “กรอบ” (famework) ที่กำหนด
อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบัน ความขัดแย้งทางความคิดของคนในสังคมเกิดขึ้นได้เสมอ จะเริ่มจากสังคมเล็กๆไปสู่สังคมใหญ่ หากไม่สามารถหาเหตุผลมาเชื่อมโยงความคิดดังกล่าว ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข จึงขอเสนอแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเพื่อเป็นข้อคิด จึงเชิญชวนท่านลองตอบคำถามง่ายๆดังต่อไปนี้
- ท่านได้ทบทวนสิทธิและหน้าที่ในสังคมที่กฎหมายกำหนดว่า เรามีสิทธิและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นคนไทยหรือไม่? และเราได้ใช้สิทธิตามที่กฎหมายกำหนด และได้ปฏิบัติหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดแล้วหรือยัง?
- ท่านได้ใช้สิทธิและปฏิบัติหน้าที่เกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไปหรือเปล่า? ที่เรียกว่าล้ำเส้นแห่งกฎหมาย
- การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีวัฒนธรรม จารีต ประเพณี เป็นกรอบในการดำเนินวิถีชีวิต ท่านได้ปฏิบัติตนตามกรอบวัฒนธรรม จารีต ประเพณี แล้วหรือยัง? และเราได้ล้ำเส้นกรอบการดำเนินชีวิตในสังคมไปบ้างหรือไม่?
- ในองค์กรหรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ล้วนมีโครงสร้างการบริหารจัดการ มีกฎระเบียบและแนวปฏิบัติ มีตำแหน่งและบทบาทหน้าที่ตามตำแหน่งที่กำหนด
ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายครบถ้วนแล้วหรือยัง? และท่านได้เคยปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือที่เรียกว่าการล้ำเส้น บ้างหรือไม่?
- ในสถาบันครอบครัว มีกรอบจารีตประเพณีให้สมาชิกในครอบครัวปฏิบัติ ท่านได้ตรวจสอบทบทวนการปฏิบัติตนของท่านของต่อสมาชิกในครอบครัวของท่านหรือไม่?
ข้อคำถามข้างต้นจะสะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมทุกระดับ ให้เกิดความสุขและปราศจากความขัดแย้ง หากเรารู้จักสิทธิและหน้าที่ของตนเอง โดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ที่เรียกว่า “ล้ำเส้น” เชื่อว่าสังคมทุกระดับจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ท้ายที่สุดสิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือ “อย่าล้ำเส้นตัวเอง”
สวัสดีครับ
ดร.ทินกร พูลพุฒ
หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา