กฎหมายการเปิดรับบริจาคนั้น ถือว่าเป็นกฎหมายที่สำคัญของประชาชน หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ ที่จัดทำโครงการ กิจกรรม หรือรวมกลุ่มกันเปิดรับบริจาคเพื่อการกุศลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนพิการ พระภิกษุสามเณร ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทหารชายแดน และนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งการเรี่ยไรเป็นสิ่งที่ดี เป็นการบอกบุญและได้ทำกุศลร่วมกัน ตามหลักพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ เป็นบุญกุศลที่เกิดจากการร่วมมือร่วมใจกันทำกิจกรรมและบริจาคของส่วนตน เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของคนส่วนมาก
ในสังคมไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาอย่างยาวนาน อาจพบเห็นได้ในปัจจุบัน เช่น ตูน บอดี้สแลม เป็นที่รู้จักจากการวิ่งเปิดรับบริจาคเพื่อระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลและผู้ป่วย, บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ อุทิศตนทำหน้าที่จิตอาสาในมูลนิธิร่วมกตัญญู และเปิดรับบริจาคระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย, บุ๋ม ปนัดดา เปิดรับบริจาคให้การช่วยเหลือในหลาย ๆ ด้าน โดยใช้ความรู้ความสามารถของตนเอง, ท็อป ดารณีนุช ริเริ่มโครงการใครรักป่ายกมือขึ้น เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า, โตโน่ ภาคิน เป็นจิตอาสาที่มักเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม, กันต์ จอมพลัง เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยหรือทางทหารและภัยพิบัติต่างๆ, หรือกรณีนักข่าวเปิดรับบริจาคทางวิทยุโทรทัศน์ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ , Thai PBS เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้, PPTV HD36 เปิดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
รวมถึงการเปิดรับบริจาคเพื่อสร้างโบสถ์ ศาลา กุฏิ วัดวาอารามต่างๆ ด้วย ซึ่งปัจจุบันที่หลายคนและหลายองค์กรที่เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่หาดใหญ่ ฯลฯ
แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีจิตใจชอบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่อาศัยความใจบุญของคนไทยในการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน
ดังนั้นการเปิดรับบริจาคจึงต้องมีกฎหมายควบคุมพฤติกรรมและการบริหารจัดการที่โปร่งใส่ ไม่นำเงินของผู้บริจาคไปใช้ประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น กฎหมายเกี่ยวกับการเปิดรับบริจาค มีดังนี้
การรับบริจาคต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 โดยการขออนุญาตจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยสำหรับกิจกรรมเรี่ยไรในที่สาธารณะหรือผ่านสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ ห้ามหลอกลวงผู้อื่น หรือนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้ ดังนี้ (สำนักงานกิจการยุติธรรม: 2564)
- การเรี่ยไร หมายความรวมตลอดถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยนชดใช้ หรือบริการ ซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือโดยปริยาย ว่ามิใช่เป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นด้วย
- การขออนุญาต ต้องขออนุญาตล่วงหน้าจากกรมการปกครองหรือที่ว่าการอำเภอ ต้องระบุรายละเอียดการเรี่ยไรให้ชัดเจน เช่น วัตถุประสงค์ สถานที่ จำนวนเงินที่ต้องการ ระยะเวลา
- ผู้ขออนุญาต ต้องมีคุณสมบัติอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่มีประวัติความผิดฐานลักทรัพย์ ฉ้อโกง หรือทุจริตต่อหน้าที่ และพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี
- วิธีปฏิบัติเมื่อได้รับอนุญาต 1) แสดงใบอนุญาต ต้องแสดงใบอนุญาตให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจนขณะเรี่ยไร 2) จัดทำบัญชี ต้องจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างโปร่งใส 3) รายงานผล ต้องรายงานผลการใช้เงินต่อหน่วยงานที่ออกอนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด
- ข้อห้ามมิให้จัดให้มีการเรี่ยไรหรือทำการเรี่ยไร ดังนี้ 1) การเรี่ยไรเพื่อรวบรวมทรัพย์สินมาให้ หรือชดใช้แก่จำเลย เพื่อใช้เป็นค่าปรับ เว้นแต่จะเป็นการเรี่ยไรในระหว่างวงศ์ญาติของจำเลย 2) การเรี่ยไรโดยกำหนดเก็บเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นอัตราโดยคำนวณตามเกณฑ์ ปริมาณสินค้า ผลประโยชน์หรือวัตถุอย่างอื่น 3) การเรี่ยไรอันอาจเป็นเหตุให้เสื่อมทรามแก่ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน 4) การเรี่ยไรอันเป็นเหตุกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงถึงสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ 5) การเรี่ยไรเพื่อจัดหายุทธภัณฑ์ให้แก่ต่างประเทศ
- ข้อห้ามและบทลงโทษ การเรี่ยไรหรือรับบริจาคเงินที่ผิดกฎหมาย เช่น การหลอกลวงผู้อื่น, การใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ หรือการกระทำโดยไม่มีการขออนุญาต อาจมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 (ฉ้อโกงและฉ้อโกงประชาชน) หรือ กฎหมายคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (กรณีหลอกลวงผ่านออนไลน์) และอาจมีโทษ จำคุก และ/หรือ ปรับ ขึ้นอยู่กับความผิด ดังนี้ (สวท.ตราด: 2567)
1) ห้ามเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต หากเรี่ยไรในที่สาธารณะหรือผ่านสื่อออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิด
2) ห้ามหลอกลวง การใช้ข้อความเท็จหรือปกปิดความจริงเพื่อหลอกลวงผู้อื่น เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3) หากกระทำต่อประชาชนจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4) ห้ามนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เงินที่ได้จากการบริจาคต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้เท่านั้น การนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์มีความผิดตามกฎหมายอาญา
5) การเรี่ยไรผ่านคอมพิวเตอร์ หากเป็นการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6) กฎหมายฟอกเงิน เงินที่ได้จากการกระทำผิดอาจถูกตรวจสอบและเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงินได้
- การบริจาคที่เป็นความผิดฐานฟอกเงิน การบริจาคนับเป็นเรื่องปกติที่ใครก็สามารถที่จะบริจาคเงินหรือสิ่งของให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ได้ ตามที่ พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 แต่หากเป็นเงินหรือสิ่งของที่ผิดกฎหมายแล้วนำไปบริจาค หากตรวจสอบพบเส้นทางการได้มาของเงินเป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิด เช่น การพนัน ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ หลบหนีศุลกากรหรือหลบเลี่ยงภาษี ฉ้อโกง รับของโจร จูงใจให้สมัครเลือกตั้ง เงินสินบนเจ้าพนักงาน ฯลฯ แล้วนำเงินนั้นมาบริจาค จึงเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งการฟอกเงิน หรือ Money Laundering คือการนำเงินหรือทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มาเปลี่ยนสภาพให้เป็นเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้มาอย่างถูกต้อง หรือเรียกได้ว่ากระบวนการทำเงินสกปรกให้กลายเป็นเงินสะอาด จนสามารถเอาไปใช้ได้โดยที่ไม่ถูกตรวจสอบหรือถูกจับ (คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต: 2568)
แสดงให้เห็นว่าการเปิดรับบริจาคมิใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างที่มัคนายกในวัดประกาศรับบริจาคต่อญาติโยมทั่วไป ผู้ที่ประกาศรับบริจาคหรือเปิดรับบริจาคหรือสมทบทุน เพื่อช่วยกิจกรรมต่างๆ จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งผู้เปิดรับบริจาคและสถานที่หรือผู้ที่รับเงินจากบริจาคนั้นด้วย มิฉะนั้นอาจมีความผิดได้ทั้งสองฝ่าย หากพฤติกรรมอันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ไม่ว่าจะนำเงินไปทำอะไรก็ตาม ความผิดก็ติดตามเงินนั้นด้วย สวัสดีครับ
ผศ.ปองปรีดา ทองมาดี
(ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต)



