32.8 C
Nakhon Sawan
วันเสาร์, พฤษภาคม 10, 2025
spot_img

สภาอุตสาหกรรมฯ สัมพันธ์

ผู้อ่านสวรรค์นิวส์และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์……………………………………. @ วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น “วันแรงงานแห่งชาติ” เพื่อเป็นการยกย่องและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของแรงงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งในคุณภาพ ความเป็นอยู่ตลอดจนสิทธิอันชอบธรรมที่ผู้ใช้แรงงานสมควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง รัฐบาลจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น วันแรงงานแห่งชาติ ประจำประเทศไทย ในประเทศยุโรป เรียกว่า “วันกรรมกรสากล” หรือ “วันเมย์เดย์” (May Day) (ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา ที่ถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนกันยายนเป็นวันแรงงาน) ซึ่งในปี 2568 ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2568 สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ใช้แรงงานทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้างและผลักดันให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้าต่อไป จังหวัดนครสวรรค์ โดย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครสวรรค์ จัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดนครสวรรค์ ประจำปี 2568 “แรงงานก้าวหน้า พัฒนาฝีมือ ยึดถือความปลอดภัย เทิดไท้องค์ราชัน” ในวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การค้า วี-สแควร์ นครสวรรค์ พบกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ 🔹การบริจาคโลหิต 🔹การเดินริ้วขบวนรณรงค์ 🔹การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง 🔹การแข่งขันกีฬา

……………………………………………………. @ แผ่นดินไหว ฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมลดลง หวังรัฐเร่งเยียวยา-จัดทำแผนรับมือ นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 91.8 ปรับตัวลดลงจาก 93.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) กระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอตัวลง ด้านยอดส่งออกรถยนต์ลดลง จากการชะลอคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าเพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 91.8 ปรับตัวลดลง จาก 93.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) กระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ในอัตรา 25% (เริ่ม 12 มีนาคม 2568) อาจส่งผลให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักชะลอตัวลง โดยในปี 2567 ไทยมีการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียม คิดเป็น 18.16% และ 13.29% ของการส่งออกทั้งหมด ภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากนักท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดหลักที่ลดลงโดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวจีน (-44.92% YoY) และมาเลเซีย (-16.57% YoY) ลดลงจากความกังวลด้านความปลอดภัย และการเข้าสู่ช่วงถือศีลอด ด้านยอดส่งออกรถยนต์ลดลง จากการชะลอคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าเพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เมษายน 2568 โดยในเดือนกุมภาพันธ์  2568 ยอดการส่งออกลดลง 8.34% (YoY) กระทบอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ รวมไปถึงกำลังซื้อในภูมิภาคยังคงเปราะบาง จากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะข้าว อ้อยและมันสำปะหลังส่งผลต่อการใช้จ่ายในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม ยังคงมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เกณฑ์ LTV) ส่งผลดีต่อคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดภาระค่าพลังงานลง 50 สตางค์/ลิตร ในกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยมีการปรับลดราคาในสองช่วง ได้แก่ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 4 เมษายน 2568 และการจัดงานมอเตอร์โชว์ (26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568) ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศได้

ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 95.7 ลดลงจาก 97.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากผู้ประกอบยังคงห่วงกังวลในเรื่อง มาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของสหรัฐฯ เริ่มวันที่ 2 เมษายน 2568 กระทบอุตสาหกรรมการส่งออกยานยนต์ รวมถึงชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ของไทย อีกทั้ง มาตรการตอบโต้ทางภาษี (Reciprocal Tariff) กับทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 2 เมษายน 2568 ที่กระทบภาคการส่งออกของไทย

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะมาจากมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ (เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ มาตรการเที่ยวคนละครึ่งและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทเฟส 3 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคและการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 

  1. เสนอให้ภาครัฐบูรณาการความร่วมมือในการจัดทำแผนรับมือเหตุแผ่นดินไหวและมีระบบการตรวจสอบความปลอดภัยในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ลดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
  2. เสนอให้ภาครัฐเร่งเปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพรองรับสินค้าไทยเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าเช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา เป็นต้น รวมทั้งเร่งเจราจาความร่วมมือ FTA Thai-EU เพื่อสร้างโอกาสในการส่งออก

3.  เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในประเทศไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-Curve และ New S-Curve) เช่น มาตรการทางภาษี เงินอุดหนุนในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ การ Upskill และ Reskill แรงงาน รวมทั้งการปรับลดค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น

…………………………………. @ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จับมือ ไมโครซอฟท์ ผนึกกำลังปั้นทักษะ AI คนไทย 1 ล้านคน เมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 นายคณพล วงศ์พิชญวิศาล กรรมการสายงาน FTI Academy สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมงานแถลงข่าวโครงการ “สร้างทักษะ AI ให้แก่คนไทย 1 ล้านคน”  โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธี โดยกล่าวเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยี AI ในการขับเคลื่อนและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก พร้อมทั้งกล่าวว่ารัฐบาลได้วางแผนแม่บท AI แห่งชาติ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพในหลากหลายมิติ รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจด้าน AI ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง การเปิดตัวโครงการ THAI Academy ในครั้งนี้ จึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการร่วมมือกับผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ณ ห้อง NT Meeting & Auditorium บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) สำนักงานแจ้งวัฒนะ

ด้านนายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับรัฐบาลไทย โดยไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึงการเรียนรู้ทักษะ AI ได้อย่างกว้างขวาง และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายในการยกระดับทักษะคนไทยกว่า 1 ล้านคน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ยังเสริมว่า ทักษะด้าน AI ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความก้าวหน้าในทุกภาคส่วน

สำหรับโครงการ “สร้างทักษะ AI ให้แก่คนไทย 1 ล้านคน” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อยกระดับประเทศไทยไปสู่ยุคดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดย FTI Academy ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะ AI ให้กับผู้ประกอบการและสมาชิกของ ส.อ.ท. ให้มีความรู้ความสามารถในด้านนี้มากยิ่งขึ้น โดยมีหลักสูตรที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้น (Beginners) ไปจนถึงระดับมืออาชีพ (Professionals) อาทิ หลักสูตร AI Basics และหลักสูตร Microsoft365 Copilot with Use Cases สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://fti.academy/

…………………………………….. @ งานแสดงสินค้า/บริการในประเทศและต่างประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” Medlab Asia and Asia Health 2025 (งานแสดงสินค้าต่างประเทศ) มาเลเซีย สนใจจองพื้นที่และขอใบเสนอราคาค่าพื้นที่งานแสดงสินค้า  ได้ที่ https://bds.sme.go.th/Service/Detail/1553

อัตราค่าบริการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ราคาพื้นที่พร้อมคูหามาตรฐานและเฟอร์นิเจอร์

9 ตารางเมตร   =  194,425 บาท

12 ตารางเมตร  =  251,650 บาท

15 ตารางเมตร  =  308,875 บาท

18 ตารางเมตร  =  366,100 บาท

สามารถกดขอใบเสนอราคาได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 27 พฤษภาคม 2568

มาเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เข้าถึงเครือข่ายทางธุรกิจของท่าน พบปะนักธุรกิจชั้นนำจากทั้งไทยและนานาชาติ ภายใต้         แบรนด์จัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติ SMEs ที่สนใจรับบริการซื้อพื้นที่ออกงานแสดงสินค้า สามารถเข้าร่วมโครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รับเงินสนับสนุนค่าพื้นที่สูงสุด 80% มูลค่าสูงสุดต่อราย 500,000 บาท/สนับสนุนต่อปีสูงสุด 200,000 บาท SMEs สนใจขึ้นทะเบียนโครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” ได้ที่ https://bds.sme.go.th

ติดต่อสอบถามงานแสดงสินค้า Informa ผู้ประสานงาน ยุคลธร สระสำราญ โทรศัพท์ : 084-675-6551

อีเมล : [email protected]

ติดต่อสอบถามรายละเอียดโครงการ BDS เพื่อเข้าร่วมงานแสดงสินค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โทรศัพท์  : 02 345 1108 อีเมล : [email protected] เว็บไซต์ : https://fti.or.th/

…………………………………….@ ปักหมุดวันทดสอบแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ไม่ต้องตกใจ ‼ เตรียมตัวให้พร้อม…บอกคนใกล้ตัวด่วน ปภ.เคาะวันทดสอบส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast 3 ระดับ ในวันที่ 2, 7 และ 13 พฤษภาคม 2568  ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ตามแผนการทดสอบนี้ จะได้รับข้อความทดสอบการแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือทั้งรูปแบบเสียงเตือนและข้อความบนหน้าจอ

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ระดับเล็ก (ภายในอาคาร) ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี ศาลากลางจังหวัดสงขลา และอาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคาร A และอาคาร B กรุงเทพมหานคร

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ระดับกลาง (ระดับอำเภอ) ใน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ อ.เมืองนครราชสีมา จ. นครราชสีมา อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี และเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ระดับใหญ่ (ระดับจังหวัด) ใน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ จ.อุดรธานี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.นครศรีธรรมราช และกรุงเทพมหานคร

……………………………………….@ “เอกนัฏ” ลุยไม่หยุดสั่ง “ทีมสุดซอย” บุกรวบ 2 โรงงาน ลักลอบหลอมเหล็กเส้นแบบ IF เล็งส่งไม้ต่อ “ดีเอสไอ” เป็นคดีพิเศษ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม  นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) เข้าตรวจสอบ บริษัท ชลบุรี สเปเชียล สตีล กรุ๊ป จำกัด ที่ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบริษัทไทย-ทุนจีน โดยมี บริษัท เถิง เฟิง สตีล จำกัด เป็นผู้ลงทุนและมีสำนักงานอยู่ในบริเวณเดียวกัน

ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนบริเวณใกล้เคียงว่า บริษัทชลบุรีฯ และ บริษัทเถิง เฟิงฯ ซึ่งทีมตรวจการสุดซอยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เคยเข้าตรวจสอบทั้ง 2 บริษัท และทำการยึดอายัดเหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน มูลค่ารวมกว่า 23 ล้านบาท และทาง สอจ.ชลบุรี ได้ยกระดับคำสั่งในส่วนของโรงหลอมให้หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมด และให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงาน เพื่อขออนุญาตประกอบกิจการอีกครั้ง เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ยังคงลักลอบประกอบกิจการผลิตเหล็ก และปล่อยมลพิษ จากเตาหลอมโลหะที่ใช้การเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าเพื่อให้เกิดความร้อนจนโลหะหลอมละลาย หรือเตาหลอมแบบ IF (Induction Furnace)

ทั้งนี้ เบื้องต้น บริษัท ชลบุรีฯ จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 5 พันบาท จนกว่าจะหยุดประกอบกิจการ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานเหล็กเส้นอีกด้วย จึงเป็นเหตุแห่งการเพิ่มโทษอีกเท่าตัว หรือจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงฐานสมรู้ร่วมคิดในการผลิตและจำหน่ายเหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) กำหนด  อันเป็นเหตุให้เข้าใจผิดว่า เหล็กที่ผลิตจาก บริษัทเถิง เฟิงฯ เป็นเหล็กผลิตจาก บริษัท ชลบุรีฯ ด้วย

ในส่วนของบริษัท เถิง เฟิงฯ จะถูกดำเนินคดีฐานทำผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานลักลอบติดเครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีไว้เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังได้เข้าตรวจสอบคนงานภายในโรงงาน พบว่า มี 6 รายที่เป็นสัญชาติจีน และไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงได้จับกุมเพิกถอนวีซ่า และดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศทันที

…………………………………@ ร่วมเปลี่ยนธุรกิจของคุณสู่ความยั่งยืน เพิ่มโอกาสใหม่ กำไรเพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ

เริ่มแล้ว !! โครงการ Green Transition 2025 พัฒนาผู้ประกอบการ เปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว เพิ่มโอกาสการค้าในการแข่งขัน เพิ่มกำไร ลดต้นทุน รับมือกับความท้าทายในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ เปิดรับผู้ประกอบการใน 5 ภาคธุรกิจ ได้แก่ โรงแรม/บริการ ผลิต ก่อสร้าง ขนส่ง  และเกษตร

สิ่งที่จะได้จากโครงการ: การประเมินศักยภาพธุรกิจตามแนวธุรกิจสีเขียว การวินิจฉัยธุรกิจเพื่อวางแนวทางการพัฒนาเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว อบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้าน Green Transition คำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว เชื่อมโยงสถาบันการเงินเพื่อเข้าถึงแหล่งทุน

ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครได้แล้ววันนี้ ถึง 23 พฤษภาคม 2568 ที่ https://www.greentransitionnow.com/ สอบถามรายละเอียดได้ที่ : น.ส.เยาวดี อนุพันธ์โยธิน (ต่าย) โทร. 083 038 3709………………………………….@ หน่วยงานที่มีข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดนครสวรรค์สามารถฝากข่าวผ่านสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ หรือต้องการสมัครเป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ติดต่อสอบถามได้ที่ นายชาณัฐธนพล  แสงสุข ผู้จัดการสำนักงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์ 056-245497,081-0428 934 โทรสาร 056-245 498 e-mail: [email protected], https://www.facebook.com/Nakhonsawan.fti

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด