กรณีที่ “เจ้าคณะจังหวัดปากน้ำโพ” ต้องประสบชะตากรรมเกี่ยวกับ “สีกา” 3 อนงค์ และมีทีท่าว่าอาจจะมีความผิดเกี่ยวข้องกับ “เงินทองของวัด” ที่โอนให้สีกาด้วยความเสน่หา จนพระสงฆ์ชั้นธรรมต้องถลาลงจากธรรมาสน์ เข้าไปจำคุกแทนที่จะได้จำพรรษาในอาราม และจำวัดอย่างสงบร่มเย็นตามวิสัยสาวกของพระพุทธศาสดา
เป็นกรณีศึกษาของพุทธศาสนิกชนในการที่จะมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลืมตาและถูกต้อง สามารถถนอมความเป็นไปชีวิตประจำวันที่ผูกพันอยู่กับ พระพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดำเนินไปอย่างปกติสุขและพอเพียง
พระพุทธองค์ผู้เป็นโอรสของกษัตริย์ที่ชีวิตแสนจะปรีดิ์เปรมเกษมสุขอยู่ในไอศวรรย์ ท่ามกลางหมู่นางกำนัลนับร้อยนับพันที่ห้อมล้อมพร้อมปรนนิบัติมอบอามิสสุขทุกประการและทุกโอกาส
ทรัพย์ศฤงคารท่วมท้นล้นนองท้องพระคลัง มีปราสาท 3 ฤดู ให้ประทับอยู่อย่างไร้โพยภัยไร้ทุกข์ แสนเปี่ยมสุขทุกวันเดือนปีหรือทุกวินาทีตลอดอายุขัย
แต่ทรงตัดพระทัยสละโลกามิสสุข บั่นเกศา(มวยผม) เพื่อตัดขาดจากวรรณะกษัตริย์อันแสนสูงส่งลงสู่วรรณะจัณฑาลอันต่ำต้อยติดดิน เพราะถวิลหาหนทางพ้นทุกข์ของมวลมนุษย์ ซึ่งเป็นความสุขอันจริงแท้แน่นอนของทุกชีวิต
ทรงสละราชสมบัติที่มนุษย์ทุกคนใฝ่ฝัน สละพระภูษาอาภรณ์ อำลาบรรจถรณ์ปราสาทราชวังมาครองผ้ากาสาวพัสตร์(ผ้าย้อมน้ำฝาด) ซึ่งก็คือผ้าห่อศพที่เก็บได้จากป่าช้าผีดิบ นำมาตัด,เย็บ,ย้อมเพื่อห้อมหุ้มกายาให้พ้นความอุจาดตา พ้นร้อนพ้นหนาว
พำนักพักพิงอยู่ในกุฏิที่กว้างยาวเท่าพื้นที่ “แมวดิ้นตาย” โดยไม่อาลัยในความกว้างใหญ่ไพศาลของพระวิมานในพระบรมมหาราชวังเมื่อครั้งเป็นโอรสกษัตริย์
ถือการโอบอุ้มประคองบาตรไม้ บาตรดินเผาตระเวนภิกขาจาร(ขอทาน)ข้าวปลาอาหาร จากชาวบ้านชาวเมืองที่เคยเป็นราษฎร พสกนิกรผู้ยากไร้ในแผ่นดินของพระราชบิดาประทังชีวิตไปวันๆ วันละมื้อถึง 2 มื้อ พอให้มีเรี่ยวแรงพละกำลังศึกษาหาวิมุตติสุข แล้วนำมาเทศนาสั่งสอนเวไนยสัตว์ ให้เข้าถึงเข้าใจในวิถีแห่งทุกข์ในชีวิต
ไม่สะสมสิ่งไม่เป็นแก่นสารในทางโลกที่เป็นเพียงวัตถุ แต่สั่งสมความรู้ในวิถีแห่งธรรมที่สามารถนำมาอบรมบ่มสอนตนเอง และผู้อื่นให้เข้าใจในทุกข์เพื่อจักได้ประสบสุขที่ยั่งยืนจนกว่าชีวาจะหาไม่
ในขณะที่บรรดาพระสาวก พระภิกษุผู้เป็น สมมุติสงฆ์ ของยุคสมัยในกาลต่อมา พากันประพฤติปฏิบัติขัดแย้งกับพระธรรมวินัยในพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา
ต่างพากันประพฤติปฏิบัติตนให้จ่อมจมอยู่ในอามิสสุข ดำดิ่งลงในอบายของโลกียสุข
เสพสุขจากอามิสทั้งปวงที่สาธุชนถวายให้โดยความไม่รู้ รวมทั้งโลกามิสทั้งหลายที่พระสงฆ์ทั้งปวงตักตวง ไขว่คว้า เสาะหามาด้วยตนเองตามกำลังของกิเลสตัณหาที่ไม่สามารถตัดรอน บั่นทอนให้ขาดสะบั้นลงได้
วิถีชีวิตของพระในบวรพระพุทธศาสนาในทุกวันนี้ จึงมีแต่พระเสี่ย หลวงเสี่ย หลวงพ่อเศรษฐี หลวงตามหาเศรษฐี ผู้เสพสุขทั้งนารี เมรัย ดนตรี และสิ่งบันเทิงของฆราวาสครบครัน และมากมายกว่าคฤหัสถ์ด้วยซ้ำไป
ดำรงชีวิตในเครื่องแบบชุดผ้าเหลือง ผ้าเนื้อดี ราคาแพง จนเลื่องลือเล่าขานเป็นตำนานเรื่องจีวรผ้ามองตากูร์ หรือจีวรเวอร์ซาเช่
ภัตตาหารแทนที่จะได้จากภิกขาจารการบิณฑบาต ก็สั่งจากร้านอาหารชื่อดังให้นำส่งถึงกุฏิ ศาลาการเปรียญ หอฉัน โดยฉันภัตตาหารหรูหราหมาเห่าเป็นอาจิณ ไม่สามารถตัดขาดกิเลสด้านรสชาติของอาหารซึ่งร่างกายต้องการเพียงเพื่อยังชีพ
กุฏิ เสนาสนะ ที่เป็นเครื่องมุงบังให้พ้นแดดลมฝน พ้นจากความร้อนหนาว และความเปียกปอน ในขนาดสัณฐานพอประมาณแก่การพักอาศัย ก็สร้างกุฏิกว้างใหญ่มโหฬารราวคฤหาสน์ราชวัง
ทั้งยังแข่งขันกันในด้านยานพาหนะที่แสนจะตระการตาทั้งรูปลักษณ์และราคาที่ซื้อหามาด้วยเงินบริจาคของสาธุชน หรือปุถุชนผู้เมามัวในบุญกุศล ซึ่งถวายให้เสพสุขในการเดินทางเพื่อการหลบลี้หนีสังคมให้พ้นสายตาฆราวาสเพื่อไปประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะกับสีกา ซึ่งโทษทัณฑ์ตามพระธรรมวินัยในระดับข้อกล่าวหา “ปาราชิก”
อันเป็นโทษานุโทษ หรือ สังฆานุโทษสูงสุดในสังคม ดงขมิ้น หรือเสือเหลือง
บางรายบางหมู่คณะตั้งวงฉันหมูกระทะประกอบการดื่มเบียร์ในอุโบสถเป็นที่คึกครื้นจนถูกจับสึกกันเป็นหมู่คณะและเป็นทิวแถว
ยิ่งพรรษาแก่กล้า ได้รับฐานานุกรมสูงส่งตามกำลังทรัพย์ที่หอบไปซื้อตำแหน่ง ฐานาฯ หอบไปกองเหมือนซื้อทองคำของปุถุชน ยิ่งมีรายได้มากล้นทั้งจากเงินบริจาค และปัจจัยจากกิจนิมนต์ที่สูงล้ำตามตำแหน่งชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม ชั้นพรหม
เมื่อพระตามอุดมคติที่ต้องสละตัดจากกิเลส ตัณหา ราคะ ได้ดำรงวิถีสมณะกลับตาลปัตรจากพุทธคติ อุดมคติ อุดมการณ์ของพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธองค์ บรรดาสีกาที่มุ่งหมายมามองเมียงๆ เป็นคู่เคียงประคองท่องสวรรค์ชั้น “กามา”
พระสงฆ์ผู้ยังลุ่มหลงอยู่ในกามกิเลส ตัณหา ราคะทั้งปวง ที่พระพุทธองค์ให้สละ จึงต้องพบปะ ปะทะสังสรรค์กับหนทางนรก ต้องตกสวรรค์ชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรมฯลฯ กันได้ง่ายๆ และเกลื่อนกล่นตามถนนหน้าวัด ข้างวัด หลังวัด ด้วยอิทธิฤทธิ์สีกาในลีลานารีพิฆาต
จนต้องปลงผ้ากาสาวพัสตร์ลงวางกองดารดาษไปทั้งสังคมไทยที่ได้ชื่อว่า “เมืองพุทธ!”
——————————