25.8 C
Nakhon Sawan
วันศุกร์, ตุลาคม 3, 2025
spot_img

การบริหาร ในสภาวะวิกฤต

โลกวันนี้เปลี่ยนแปลง…แต่ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น…แรงขึ้น…และผันผวนสูง

ณ พ.ศ. นี้ นับเวลาได้เป็นทศวรรษ ที่โลกเจอวิกฤตในหลายๆด้าน หนึ่งในนั้นคือเรื่องของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้การประกอบธุรกิจไม่บรรลุเป้าหมายในหลายประเทศ ประเมินผลตรวจสอบได้จากค่า GDP ที่ตกต่ำลง

ประเทศไทยก็เช่นกัน ที่เจอกับวิกฤตทางเศรษฐกิจติดต่อกันมาหลายปี  ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กอย่าง SMEs หลายธุรกิจถึงกับต้องปิดกิจการลง

บริษัทในต่างจังหวัดก็เช่นเดียวกันกับธุรกิจ SMEs ในท้องถิ่นอื่นๆ และเช่นเดียวกับผู้ประกอบการผลิตสินค้าทั่วประเทศ ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน

ดังนั้น หากไม่มีการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้มีความแข็งแกร่ง ในยามที่เกิดสภาวะ Worst Case ขึ้นเช่นนี้ ย่อมต้องได้รับผลกระทบเป็นเวลายาวนาน

ในปัจจุบันเราจะได้ยินแต่ข่าวร้ายในเกือบทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน เช่น

1.ข่าวเกี่ยวกับเรื่องภาษี ที่อเมริกา จะเรียกเก็บกับการค้ากับไทย

2.ข่าวเรื่องคนตกงาน

3.ข่าวเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI

4.ข่าวเกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ Aging Society

5.ข่าวเกี่ยวกับทุนจีนบุกรุกธุรกิจในไทย

6.ข่าวเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปง Climate Change

7.ข่าวเรื่องเศรษฐกิจซบเซา ฯลฯ

โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ  ESG : Environmental Social Governance คือมิติด้านสิ่งแวดล้อม

การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ ต่อสังคม จึงต้องพิจารณาการบริหารทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมต่อความเป็นอยู่ของสังคมทั้งภายในและภายนอก

ESG เป็นปัจจัยสำคัญสู่แนวทางประกอบธุรกิจตามหลักความยั่งยืน เพื่อวัดผลและพัฒนาการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงทั้งผลกำไร ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหาร

E : Environment คือสิ่งแวดล้อม

S : Social คือสังคม

G : Governance คือ บรรษัทภิบาล เน้นความโปร่งใส ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์

8.ข่าวเกี่ยวกับการเมืองไทยที่ไม่เสถียร เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย

ฯลฯ

ดังนั้น เราต้องกลับมาสำรวจตัวเราก่อน เพื่อจะได้พัฒนาปรับตัวได้ถูกต้อง สิ่งที่เราต้องถามตัวเราเองคือ… “อะไรคือจุดแข็ง ของเรา”

วันนี้… “โลกเก่า” กำลังล่มสลาย  “โลกใหม่” กำลังต่อสู้เพื่อจะหาทางเกิดขึ้น เราจึงต้องเข้าใจตัวเราเองก่อนผ่าน 3 D Framework คือ

1.Detect ภูมิใจในสิ่งที่มี เรามีอะไรดีกว่าคนอื่น เราเก่งกว่าคนอื่นอย่างไร?

2.Defire สิ่งที่แตกต่าง และคนอื่นไม่มี

3.Design เริ่มออกแบบสินค้าและบริการ คิดสิ่งใหม่ๆ

สิ่งที่ผู้นำองค์กรจะวางแผนบริหารกิจการ จึงต้องมองอย่างน้อยๆก็ 2 ทาง คือ

หนึ่ง…แนวโน้มของสังคมโลก Trends กระแสหรือสมัยนิยม มองให้ออกว่าลูกค้าต้องการอะไร

สอง…ความสามารถในการแข่งขัน Competitiveness เรามีทีมที่มีฝีมือจริงไหม ?

วันนี้ จะเป็นนักบริหาร เป็นผู้นำในธุรกิจต้องโฟกัส ที่

1.เข้าใจโลก…2.เข้าใจตัวเอง…3.ลับฝีมือ…และ 4.หาเพื่อน

ประการสุดท้าย ที่ผู้นำกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ ต้องสังเกตเห็น 5 เทรนด์สำคัญที่โลกกำลังมุ่งไปคือ

1.Hyperfocus คือภาวะที่บุคคลมีสมาธิจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างมากเป็นพิเศษและต่อเนื่องจนมองข้ามสิ่งรอบข้างไป ภาวะนี้พบได้บ่อยในหมู่ผู้เป็นโรคสมาธิสั้น ลูกค้ายุคนี้ไม่ต้องการของแพง แต่ต้องการสินค้าที่ตอบความต้องการได้

2.Wellness คือความเป็นอยู่ที่ดี เป็นกระบวนการดำเนินชีวิตที่มุ่งสร้างภาวะที่ดีอย่างสมบูรณ์ทั้งในมิติต่างๆของชีวิต ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ จิตวิญญาณ สังคมปัญญา การเงิน และสิ่งแวดล้อม โดยเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค ผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนั้นสินค้าเดี่ยวกับสุขภาพจึงมาแรง

3.Natural lP : Intellectual Property ว่าด้วยเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาตามธรรมชาติ เช่นภูมิปัญญาท้องถิ่น ทรัพยากรชีวภาพ ลูกค้าต้องการรู้ว่าสินค้ามาจากไหน? ใครเป็นคนทำ?

4.Sustain คือความเห็นชอบ ซึ่งหมายถึงการยอมรับว่าการกระทำหรือการโต้แย้งนั้นถูกต้องตามกฏหมายและสมเหตุสมผล โดยการยืนยันให้คงไว้ซึ่งความถูกต้องนั้น ผู้ร่วมค้าต้องช่วยลดสภาวะของโลก ลดโลกร้อน ลดคาร์บอน

5.AI คือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งหมายถึงความสามารถของเครื่องจักรในการเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์ AI จะช่วยลดต้นทุน…เพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น Productivity…ขยายขอบเขตความรู้…ขยายความคิดสร้างสรรค์ Creativity

ทั้ง 5 เหตุการณ์ส่งผลถึงการบริหารจัดการที่ต้องคำนึงถึงในการวางแผนทางการตลาดสู่ยุคของคนรุ่นใหม่ที่จะให้ความสำคัญกับเทรนด์เหล่านี้

การแข่งขันรุนแรง รวดเร็วขึ้นทุกวัน การมีเพื่อนร่วมค้าก็สำคัญ อย่างน้อยๆก็เป็นการประกันความเสี่ยง กระจายความเสี่ยง กระจายการวิจัย แบ่งกันคิด แบ่งคนค้นคว้า ช่วยประหยัดงบประมาณด้วย

     โลกมันเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว พลเมืองโลกก็ถือว่าเกิดขึ้นแล้ว ดังเช่นคำพูดที่นักธุรกิจชอบพูดกันก็คือ… “เพียงผีเสื้อขยับปีก…โลกก็สั่นสะเทือนกันไปทั่ว”

ตั้งหลักกันให้ดีๆนะครับ เพราะการ… “เผาจริง” เกิดขึ้นทุกวัน ทุกเดือน และทุกปี ไม่มีเหมือนเดิมอีกแล้ว!…”

………………………………………

บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด