28.1 C
Nakhon Sawan
วันศุกร์, ตุลาคม 17, 2025
spot_img

กฎหมายเกี่ยวกับการบุกรุกอธิปไตย

กฎหมายเกี่ยวกับการบุกรุกอธิปไตยนั้น เกิดจากการที่ประชาชน กลุ่มบุคคล นิติบุคคล กองกำลังทหาร หรือโดยรัฐบาลของประเทศหนึ่ง ได้กระทำการบุกรุกเข้าไปในดินแดนหรืออธิปไตยของอีกประเทศหนึ่ง อาจกระทำโดยเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยก็ตาม หรืออาจบุกรุกเข้ามาชั่วคราวหรือเข้ามาแบบถาวรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่ถูกบุกรุกไม่เอาใจใส่ในดินแดนของตน ปล่อยปละละเลย หรือละเว้นต่อการปฏิบัติหน้า ไม่ดำเนินการแจ้งปัญหาให้กับรัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคงของประเทศให้แก้ไขปัญหาการบุกรุกอธิปไตย หรือดำเนินการแจ้งปัญหาไปยังรัฐบาลแล้วแต่รัฐบาลเพิกเฉยไม่แก้ปัญหาให้กับประชาชนหรือประเทศชาติ หรือแจ้งปัญหาไปยังรัฐบาลแต่เป็นชุดรัฐบาลที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจในการส่งสินค้าผิดกฎหมายข้ามแดนหรือผลประโยชน์เกี่ยวกับธุรกิจนายทุนระหว่างประเทศ

การปล่อยปละเลยเหล่านี้เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับพื้นที่จนไปถึงระดับรัฐมนตรี หากเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่มีการแจ้งปัญหาการบุกรุกดินแดนหรืออธิปไตยไปยังเจ้าหน้าระดับสูงขึ้นไปตามลำดับแล้ว ควรมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่จนไปถึงระดับรัฐบาล หากสืบได้ว่ามีเจตนาปล่อยปละเลยละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่และควรมีการชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชนที่ไม่สามารถใช้ที่ดินในการทำกินได้ตามปกติหรือค่าเสียหายอื่นๆ ด้วย หากการบุกรุกนั้นเกิดจากการกระทำของประชาชนหรือของเอกชนทั่วไป

แต่ถ้าเป็นการบุกรุกโดยการใช้กองกำลังทหารในลักษณะนี้ก็เป็นเรื่องของกองกำลังทหารของประเทศที่ถูกบุกรุกจะไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่

จากการกรณีปัญหาการบุกรุกดินแดนประเทศไทยที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว และพื้นที่อื่น ๆ ที่ประชาชนกัมพูชาเข้ามาบุกรุกทำกินในดินแดนของประเทศไทยเป็นเวลานานหลายสิบปี จนถึงปัจจุบันมีทหารกัมพูชาเข้ามาควบคุมพื้นที่บุกรุกดังกล่าวหลายพื้นที่ด้วยกัน จนเป็นเหตุให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดินได้รับความเสียหาย ซึ่งได้เสียภาษีที่ดินมาโดยตลอดแต่ไม่สามารถเข้าทำกินได้ตามปกติ เนื่องจากมีประชาชนและทหารของกัมพูชาเข้าทำกินและควบคุมพื้นที่ดังกล่าวอยู่ จากข้อเท็จจริงมีประชาชนจำนวนมากได้ทำหนังสือแจ้งปัญหาความเดือดร้อนไปให้เจ้าหน้าที่ระดับพื้นหรือหน่วยงานภาครัฐได้ทราบแล้ว แต่เพิกเฉยไม่ดำเนินการใด ๆ ปล่อยปละเลยมาหลายสิบปี ประกอบกับรัฐบาลก็ไม่ดำเนินการใด ๆ เช่นกัน ดังนั้นบทความนี้ได้อธิบายเกี่ยวกับกฎหมายการรักษาดินแดนหรืออธิปไตยของประเทศ และกฎหมายเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกดินแดนหรืออธิปไตย ดังนี้

  1. หลักกฎหมายระหว่างประเทศ ให้อำนาจรัฐในการใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของตนที่จะใช้อำนาจในการออกกฎหมายใช้บังคับกับบุคคล ทรัพย์สิน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในดินแดนของตนได้ โดยไม่จำกัดว่าบุคคลนั้นจะมีสัญชาติของรัฐใด หรือไม่จำกัดว่าทรัพย์สินนั้นจะเป็นคนของชาติตนหรือไม่

ดังนั้นคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในรัฐใดย่อมต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับของรัฐนั้นๆ ด้วย และต้องรับผิดเมื่อมีการกระทำความผิดที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของรัฐที่ตนเข้าไปอยู่เกิดขึ้น รวมถึงกรณีมีการกระทำความผิดทางอาญาที่เริ่มขึ้นในรัฐของตนเอง แต่ไปสิ้นสุดในรัฐอื่น และกรณีมีการกระทำความผิดอาญาที่เริ่มต้นที่รัฐอื่นแต่สิ้นสุดที่รัฐของตนเองด้วย (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย International Relations Law)

แสดงให้เห็นว่ากฎหมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้อำนาจแก่รัฐในการดูแลและรักษาความสงบเรียบร้อยและอธิปไตยในประเทศของตน หากมีชาวต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายไทย อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ระดับพื้นที่จนไปถึงรัฐมนตรีมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ หากปล่อยปละละเลยละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ไว้เนิ่นนานไป ก็จะเป็นเช่นเดียวกันกับเขาพระวิหารเป็นกฎหมายปิดปากที่เจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐปล่อยปละละเลยละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่จนเหมือนประหนึ่งว่ายินยอม

  1. ประมวลกฎหมายอาญา การกระทำที่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐ ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 เช่น การกระทำให้ราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ มีโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนการบุกรุกในความหมายทั่วไป เช่น การบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น จะมีบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 8 ว่าด้วยความผิดฐานบุกรุก ตามมาตรา 362-366) ซึ่งเป็นความผิดที่แตกต่างออกไป

มาตรา 119 “ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต” เป็นการกระทำที่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร

คำว่า “บุกรุกอธิปไตย” โดยทั่วไปหมายถึงการกระทำที่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ซึ่งมีบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดตามกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ทำให้เสียดินแดนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มีหน้าที่แล้วละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้เสียดินแดน กรณีบ้านหนองจานหรือบ้านหนองหญ้าแก้วอาจมีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เกี่ยวข้องต่อการเพิกเฉยไม่ดำเนินการใด ๆ ตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้ดินแดนของไทยตกอยู่ในอำนาจของรัฐอื่น

มาตรา 362 “การเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อยึดถือครอบครอง หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุข”

มาตรา 363 “การย้ายหรือทำลายเครื่องหมายเขตอสังหาริมทรัพย์เพื่อเอาที่ดินนั้นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม”

มาตรา 364การเข้าไปในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น โดยไม่มีเหตุอันควร”

มาตรา 365การกระทำความผิดตามมาตรา 362-364 โดยมีกำลังประทุษร้าย ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือมีอาวุธ หรือร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป

แสดงให้เห็นว่าเป็นการบุกรุกอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดิน ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 8 ความผิดฐานบุกรุก มาตรา 362-366 ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หรือเจ้าของที่ดิน จะต้องดำเนินการร้องทุกข์แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตพื้นที่อาศัยอำนาจศาลในการลงโทษจำคุกผู้กระทำความผิด

  1. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามในการเข้าเมือง การเข้าออกราชอาณาจักร และการอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว นอกจากนี้ยังมีกฎหมายและประกาศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการกำหนดสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย และ พระราชบัญญัติการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว สำหรับการทำงานของชาวต่างด้าวในประเทศไทย

คนต่างด้าวเข้าเมืองมี 3 ลักษณะคือ

(1) คนต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมาย คือ คนต่างด้าวที่มีเอกสารประจำตัวที่ถูกต้อง เช่น หนังสือเดินทาง และมีการตรวจลงตรา (วีซ่า) จากสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย พร้อมได้รับอนุญาตให้พำนักในราชอาณาจักรตามกำหนดจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

(2) คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย (หลบหนีเข้าเมือง) คือ คนต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารประจำตัว หรือไม่มีวีซ่า หรือลักลอบทำงาน หรือเข้ามาโดยไม่มีการอนุญาตตามกฎหมาย

(3) ลักษณะต้องห้ามในการเข้าประเทศ มาตรา 12 เช่น ไม่มีหนังสือเดินทาง ไม่มีวีซ่า ไม่มีปัจจัยยังชีพ มีโรคติดต่อร้ายแรง เป็นภัยต่อสังคม หรือเคยถูกเนรเทศ เป็นต้น

  1. พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดยห้ามมิให้ผู้ใดบุกรุก แผ้วถาง หรือกระทำการอันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีบทลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ซึ่งอัตราโทษจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะความผิด เช่น การบุกรุกในป่าสงวนแห่งชาติอาจมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับ 5,000-50,000 บาท หรือหากเป็นความผิดในพื้นที่เกิน 25 ไร่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้หวงห้าม ก็จะมีโทษสูงขึ้นเป็นจำคุก 4-20 ปี และปรับ 200,000-2,000,000 บาท

ความผิดตามกฎหมายป่าไม้ คือ การทำลายป่า การแผ้วถาง เผาป่า หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้ป่าเสียหาย ตามมาตรา 54 หรือการเข้ายึดถือครอบครองป่า การเข้าไปอยู่อาศัย ทำประโยชน์ หรือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 14-18

  1. พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 เป็นกฎหมายที่จัดระเบียบและควบคุมการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทย เพื่อให้เป็นระบบและปลอดภัยขึ้น กฎหมายนี้กำหนดให้คนต่างด้าวต้องมีใบอนุญาตทำงานและทำงานตามสิทธิที่ได้รับเท่านั้น หากฝ่าฝืนทั้งคนต่างด้าวและนายจ้างจะมีโทษปรับและมีโทษทางอาญาอื่น ๆ นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อกำหนดนโยบายและกำกับดูแล

บทลงโทษเมื่อฝ่าฝืน คนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต หรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่ทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ทำงานนอกเหนือจากที่กำหนดในใบอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และนายจ้างรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือรับคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตแต่ให้ทำงานที่ห้ามทำ มีโทษปรับตั้งแต่ 400,000 – 800,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน ยึดใบอนุญาตทำงานหรือเอกสารประจำตัวของคนต่างด้าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 900,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แสดงให้เห็นว่ากฎหมายเกี่ยวกับการบุกรุกอธิปไตยนั้นมีหลายฉบับด้วยกันที่จะดำเนินการตามกฎหมายและนำตัวผู้บุกรุกดินแดนประเทศมาลงโทษได้ แต่ทำไมกรณีบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่พบเห็นเป็นจำนวนมาก กลับไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานรัฐดำเนินการใด ๆ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดูแลหรือรักษาดินแดนเรียบร้อยดี ปล่อยปะละเลยมาเป็นเวลาหลายสิบปี จนถึงปัจจุบัน จนเห็นเหตุให้รัฐอื่นเข้าใจได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานรัฐ หรือรัฐบาลยินยอมต่อการกระทำอันเป็นการบุกรุกดินแดนหรืออธิปไตยของชาวกัมพูชาหรือไม่ ซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกันกับกรณีเขาพระวิหาร ดังนั้นปัญหาบุกรุกดินแดนไทยในปัจจุบันนี้ หากรัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใด ๆ เพียงแต่เจรจาให้สงบและยินยอมให้อยู่อาศัยหรือทำกินกันต่อไป หรือจะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า หรือเปลี่ยนเป็นพื้นร่วมกันพัฒนากัน ฯลฯ เท่ากับว่ายอมรับกระทำอันเป็นการบุกรุกดินแดนหรืออธิปไตยของชาวกัมพูชาว่าชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะต้องใช้กองกำลังทหารดำเนินการให้เด็ดขาดหรือดำเนินคดีตามกฎหมายให้ชัดเจน อันเป็นการรักษาอธิปไตยของไทย ส่วนไหนที่เป็นยึดแผนที่กันคนละฉบับก็ต้องว่ากันด้วยเรื่องการแบ่งปันเขตแดนต่อไป สวัสดีครับ

ผศ.ปองปรีดา ทองมาดี

(ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต)

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด