28.1 C
Nakhon Sawan
วันศุกร์, ตุลาคม 17, 2025
spot_img

สภาอุตสาหกรรมฯ สัมพันธ์

ผู้อ่านสวรรค์นิวส์และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์…………………………………….. @ วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี “วันปิยมหาราช” เป็นวันที่ระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และอยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยมากที่สุดพระองค์หนึ่ง พระราชกรณียกิจที่สำคัญของรัชกาลที่ 5 ได้แก่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกทาส การป้องกันการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และจักรวรรดิอังกฤษ การประกาศให้นับถือศาสนาโดยอิสระในประเทศ โดยบุคคลที่นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ได้มีการนำระบบต่างๆ จากยุโรปมาใช้ในประเทศไทย ได้แก่ระบบการใช้ธนบัตรและเหรียญบาท ระบบเขตการปกครองใหม่ เช่น มณฑล เทศาภิบาล จังหวัดและอำเภอ และได้มีการสร้างรถไฟ สายแรก คือ กรุงเทพฯ ถึง เมืองนครราชสีมา วันที่ 1 มีนาคม ร.ศ.109 ซึ่งตรงกับ พุทธศักราช 2433 นอกจากนี้ได้ทรงงานพระราชนิพนธ์ต่างๆ ดังนี้ ไกลบ้าน, เงาะป่า, นิทราชาคริต, อาบูหะซัน, พระราชพิธีสิบสองเดือน, คำเจรจาละครเรื่องอิเหนา, ตำรากับข้าวฝรั่ง, พระราชวิจารณ์จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี, โคลงบรรยายภาพรามเกียรติ์ เป็นต้น ที่สำคัญพระราชกรณียกิจด้านสังคม ทรงยกเลิกระบบไพร่ โดยให้ไพร่เสียเงินแทนการถูกเกณฑ์ นับเป็นการเกิดระบบทหารอาชีพในประเทศไทย นอกจากนี้พระองค์ยังทรงดำเนินการเลิกทาสแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากออกกฎหมายให้ลูกทาสอายุครบ 20 ปีเป็นอิสระ จนกระทั่งออกพระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) ซึ่งปล่อยทาสทุกคนให้เป็นอิสระและห้ามมีการซื้อขายทาส รวมถึงทรงเล็งเห็นซึ่งการปฎิรูปการศึกษา ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นเกล้าล้นกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า นายวีรวุฒิ บำรุงไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา คณะกรรมการบริหาร สมาชิกและเจ้าหน้าที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านได้พระราชทานแด่ปวงชนชาวไทยสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน

…………………………………… @ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ขอแสดงความยินดีกับ นายวีรวุฒิ บำรุงไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ กรรมการผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ลิ่มเชียงเส็ง ที่ได้รับรางวัล “สุดยอดซีอีโอรุ่นเอสเอ็มอี” สาขาธุรกิจอุตสาหกรรมและการผลิต เข้ารับรางวัลเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 มอบรางวัลโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ภายในงานประกาศผลและมอบรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กร ประจำปี 2568 “CEO Econmass Awards 2025” และงานสัมมนาใหญ่เศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับ  คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

…………………………………… @เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ทันตแพทย์สุพจน์ หวังปรีดาเลิศกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ ในฐานะประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย ดร.นิภา สุพิชญางกูร ประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครวสรรค์ เป็นผู้แทนประธาน คณะกรรมการ คณะทำงาน และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมต้อนรับ นายศุภมิตร ชิณศรี ในโอกาสเดินทางมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย นางอรวรรณ ชิณศรี ภริยา โดยได้เข้าสักการะศาลพระภูมิ ศาลตา-ยาย ภายในจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งได้พบปะกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ หัวหน้าส่วนราชการ ส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ ที่ได้มาร่วมแสดงความยินดีต้อนรับกันอย่างอบอุ่น  ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์

…………………………………….. @กกร. ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออก–ท่องเที่ยว จี้รัฐเร่งวิเคราะห์ธุรกรรมทอง–คริปโต ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ร่วมแถลง

กกร. แสดงความกังวลต่อทิศทางค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกและภาคท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรมทองคำ คริปโตเคอร์เรนซี และการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวนอกระบบ ยังมีข้อจำกัด ส่งผลให้ตัวเลขดุลการชำระเงินส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในหมวด “Errors & Omissions” โดยไม่สามารถจำแนกได้อย่างชัดเจน

กกร. เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเชื่อมโยงข้อมูล และเร่งวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมเหล่านี้อย่างรอบด้าน กกร. ขอแสดงความขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการหารือร่วมกับภาคเอกชน ผ่านการประชุมกับทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นและการทำงานแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลายข้อเสนอของภาคเอกชนได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว   กกร. จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายเหล่านี้จะได้รับการผลักดันให้เกิดผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคงต่อไป พร้อมกันนี้ กกร. ยังยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้มาตรการด้านเศรษฐกิจไม่สะดุด และสามารถสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน โดย กกร. ได้เสนอร่างพิมพ์เขียว เวที “Reinvent Thailand” เพื่อเป็นกรอบการทำงานที่รวดเร็วและคล่องตัวเหมาะสมกับบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ในการฟื้นฟูและยกระดับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

การเร่งส่งออกที่หนุนเศรษฐกิจโลกช่วงที่ผ่านมาเริ่มแผ่วลง เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และในปีข้างหน้ามีทิศทางชะลอตัว โดย OECD ประเมิน GDP โลกปี 2568 โต 3.3% แต่ปัจจัยลบจากการขึ้นภาษีซึ่งกระทบการใช้จ่ายและการจ้างงาน จะกดดันเศรษฐกิจโลกปี 2569 ให้ชะลอลงเหลือโต 2.9% ทั้งนี้การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ จะหดตัว ซึ่งภูมิภาคอาเซียนจะหดตัว 9.7% ส่วนไทยจะหดตัว 12.7% ตามการประเมินของ UNDP สะท้อนความเปราะบางของการค้าโลก

ท่ามกลางภาวะนี้ ค่าเงินบาทยังแข็งค่าและมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยังขาดข้อมูลเชิงลึกเพื่ออธิบายผลกระทบจากธุรกรรมทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบ ซึ่งทำให้ตัวเลขดุลการชำระเงินส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในหมวด “Errors & Omissions” โดยไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน กกร. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงข้อมูล เร่งแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมเหล่านี้ต่อภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) พร้อมทั้งพิจารณามาตรการเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างสมดุลในระยะยาว ที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า อาทิ การจัดตั้งกองทุน Sovereign Wealth Fund เพื่อเป็นกลไกเพิ่มเติมตอบโจทย์กับกิจกรรมการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไม่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์เดิม รองรับและบริหารความผันผวนอย่างเป็นระบบ

สำหรับตัวเลขการส่งออก กกร. ยังคงประมาณการการเติบโตไว้ที่ 2–3% โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ารุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ภาคเอกชนเห็นว่าหากสามารถดูแลเสถียรภาพและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวเลขการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นได้ รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้น กกร. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทบทวนประมาณการการส่งออกอีกครั้งในการประชุมเดือนหน้า

ไทยต้องเร่งยกระดับ Regional Value Content (RVC) เนื่องจากหากไม่สามารถรักษาระดับที่เหมาะสมได้ อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ และส่งผลต่อแรงงานราว 4 แสนคนที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการใช้วัตถุดิบในประเทศ และเสริมสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำให้แข็งแรง โดยมี RVC ที่เหมาะสมอยู่ที่ 40% ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก

คาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1.8%-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม อย่างไรก็ดี หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ให้ได้ราว 1 ใน 3 ของงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ กระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้ไปถึง 34 ล้านคน ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละครึ่งพลัส สนับสนุน SMEs และ Made In Thailand ตามแนวทาง Quick Big Win ของรัฐบาล จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้โตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่โต 2.5%

นอกจากนั้น กกร. ยังได้มีประเด็นสำคัญที่หารือเพิ่มเติม ดังนี้

1) สืบเนื่องจาก Problem Statement ของข้อเสนอ “Reinvent Thailand” กกร. จึงให้ความสำคัญกับสถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยที่ยังคงอยู่ในระดับรุนแรงและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างชาติ ผลการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในเรื่องดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ชี้ว่าการทุจริตเชิงนโยบายและการทุจริตในระดับท้องถิ่นที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ที่ขาดความโปร่งใส การเรียกรับผลประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมากที่ยังคงเผชิญแรงกดดันต้องจ่ายเงินพิเศษให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจทางการเมืองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิหรือสัญญาตามระบบราชการ

ทั้งนี้ กกร. ได้จัดตั้งคณะทำงาน Zero Corruption : กกร. ไม่ทน ขึ้นมาโดยตรง เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม พร้อมจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มาตรการเหล่านี้ถูกนำไปปฏิบัติได้จริง และสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงสร้างระบบเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืนในระยะยาว โดยคณะทำงานดังกล่าวประกอบด้วย ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายที่เข้ามาร่วมผลักดัน ได้แก่ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT, แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยมีกรอบการทำงานของคณะทำงาน Zero Corruption ที่จะเน้นไปที่ 8 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) หลักธรรมาภิบาล 2) การปลูกฝังจิตสำนึก 3) นโยบายต่อต้านการทุจริต 4) ระบบบริหารความเสี่ยง 5) การมีส่วนร่วม 6) เทคโนโลยี 7) การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ 8) การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ (Guillotine) ที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้ และจัดลำดับประเด็นที่จะต้องเร่งดำเนินการทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งคณะทำงานจะบูรณาการความร่วมมืออย่างจริงจังเพื่อต่อต้านการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม

สืบเนื่องจากสภาผู้แทนราษฎร อยู่ระหว่างพิจารณา (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….  ซึ่ง กกร. ได้พิจารณาแล้วมีข้อกังวลต่อ ร่าง พรบ. ฉบับดังกล่าว เนื่องจากมีบางมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และเพิ่มภาระต้นทุนในการจ้างงานให้กับนายจ้าง นอกจากนี้ ร่าง พรบ. ดังกล่าว ยังขาดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนอย่างเป็นระบบและรอบด้าน ดังนั้น กกร. จึงขอให้มีการทบทวน ร่าง พรบ. คุ้มครองแรงงานฯ และขอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมาธิการในการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ. ดังกล่าว เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง รวมทั้งไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและภาพรวมเศรษฐกิจไทย

…………………………………… @โครงการสร้างเครือข่ายความรู้พลังงาน เตรียมพร้อมสู่ Energy Transition หัวข้อ ความรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกลไกการลดก๊าซเรือนกระจก โดยสื่อเผยแพร่ความรู้ออนไลน์สามารถเข้าศึกษาได้ดังนี้

–  ศูนย์กลางข้อมูลความรู้ Online ด้านพลังงาน https://energyknowledge.fti.or.th/

–  เอกสารเผยแพร่ความรู้พลังงาน https://energyknowledge.fti.or.th/downloads

–  วีดีทัศน์พลังงานความรู้ https://energyknowledge.fti.or.th/videos

–  อินโฟกราฟฟิก / อินโฟคอมมิค https://energyknowledge.fti.or.th/infographics

ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ https://energyknowledge.fti.or.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม น.ส.ณิชา ศรีวิภาสถิต โทร. 02-345-1245 อีเมลล์ : [email protected] ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ. 2567

…………………………………….. @  บริการใหม่จาก FTI – APEC CARD Assistance Services “บริการให้ความช่วยเหลือสมัครบัตร APEC CARD” ทำไมต้องใช้บริการกับเรา?

  1. มีทีมผู้ช่วยมืออาชีพ ดูแลทุกขั้นตอนการกรอกใบสมัคร
  2. ลดความผิดพลาด มั่นใจเอกสารครบถ้วน
  3. รวดเร็ว ประหยัดเวลา ไม่ต้องปวดหัวเรื่องเอกสาร

ราคาสุดคุ้ม เพียง 1,500 บาท/ราย ฟรี! ที่ปรึกษาส่วนตัว สำหรับสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมัครบัตร APEC CARD สะดวก ครบ จบในที่เดียวที่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) อย่าปล่อยให้โอกาสธุรกิจหลุดมือ! สมัครง่าย ได้สิทธิประโยชน์เต็มๆ เดินทางสะดวกสบายทั่ว 19 เขตเศรษฐกิจ สอบถามเพิ่มเติม ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ กิจกรรมและรายได้ ส.อ.ท. โทร. 1453 กด 4, 1145 E-Mail: [email protected] ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://forms.office.com/r/1d2RyumkCd

…………………………………….. @  SME D Bank ร่วมกับ ชีววิถี(IDE) เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs จ.นครสวรรค์ และพื้นที่ใกล้เคียง เข้าร่วมอบรมหลักสูตร “ปั้นยอดขาย สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ปังบน TikTok” ในวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรม 42C จ.นครสวรรค์ เวลา 08.30 – 16.30 น. โดยวิทยากรบรรยายโดย อ.สรยุทธ อังคณานุกิจ Gemini Certified Educator ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ วิทยากรสอนสร้างอาชีพ และ affiliate สุด exclusive จาก ชีววิถี (IDE)  สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ ปักตระกร้าอย่างไรให้มียอดขาย / ตัวอย่างการ Affiliate พร้อม Exclusive กับตัวอย่างสินค้า Afflitate จากชีววิถี / เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ สร้างอาชีพ / เคล็ดลับการเพิ่มยอดวิวและผู้ติดตามบน TikTok / Workshop การทำผลิตภัณฑ์โดยแบรนด์ชีววิถี(IDE) / สร้างรายได้บนTikTok ทำ Affiliate กับชีววิถี(IDE) และสิทธิพิเศษต่าง ๆ บน DX Platform ‼ฟรี!ไม่มีค่าใช้จ่าย‼ สำรองที่นั่งด่วน! จำนวนจำกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคุณตาล 099-616-9445 คุณป้อม 088-951-6926……………………………………………………. @หน่วยงานที่มีข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดนครสวรรค์ สามารถฝากข่าวผ่านสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ หรือต้องการสมัครเป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ติดต่อสอบถามได้ที่ นายชาณัฐธนพล  แสงสุข ผู้จัดการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์056-245497,081-0428 934 โทรสาร 056-245 498 e-mail: [email protected], https://www.facebook.com/Nakhonsawan.fti

 

บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด