เมืองไทยเป็นเมืองร้อนมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ คนไทยตัวดำผิวดำเป็น “เหนี่ยง” มาแต่อ้อนแต่ออก เพราะระบบพันธุกรรมที่ถูกกระทำจากอากาศร้อนจนชาวต่างชาติในอดีตขนานนามชาวไทยในสมัยก่อนว่า “ศยาม”
แล้วเพี้ยนมาเป็น “สยาม” ซึ่งมีความหมายว่า “ดำ,คล้ำ”
“ศยามล” อ่านว่า “สะ-หยา-มน” หมายถึง ผิวคล้ำ,ดำ เป็นคำสันสกฤต
อยากจะเหมาเอาว่า ความร้อนของภูมิอากาศเมืองไทยเป็นตัวการทำให้คนไทยส่วนใหญ่ต้องกลายเป็น “ศยามล” โดย ดี.เอ็น.เอ. หรือพันธุกรรม
อากาศร้อนเป็นบ่อเกิดของความหายนะมากมายในชีวิตมนุษย์
เริ่มตั้งแต่เป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บหลายโรคที่นิยมเกิดในฤดูร้อนทำให้ข้าวปลาอาหารบูดเน่าเสียได้ง่าย ทำให้มนุษย์เจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายได้ง่าย
ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ประเภทต่างๆที่อยู่ในรถยนต์ ในบ้านเรือน ในห้องหับ ฯลฯ ต้องเสียหายในห้วงเวลาที่รวดเร็วกว่าปกติ
สภาพของประชาชนคนไทยในระดับ “ยอดหญ้า” ที่ไม่มีเงินตราซื้อหาพัดลมโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ บางรายโอกาสที่จะซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ หรือ ซื้อน้ำแข็ง มาแช่น้ำเย็นดื่มยังยากลำบากด้วยเงินตราและฐานะ
ยิ่งราษฎรผู้ยากจนที่อาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ หลังคาสังกะสีที่ร้อนเหมือน “เตาอบ” ในเวลาเที่ยง บ่าย ในชุมชนแออัด ในหมู่บ้านร้อนแล้ง ในชนบท โดยเฉพาะในภาคอีสาน จะมีวิถีชีวิตในช่วงฤดูร้อนเหมือนตกอยู่ในขุมนรกโดยแท้
รัฐบาล ส่วนราชการควรจะได้สงเคราะห์ให้บรรดาชาวไทยที่ไร้เงินทองที่จะซื้อหาพัดลม เครื่องปรับอากาศในราคาที่เจือด้วยความเมตตา หรือแนะนำกลวิธีในการสร้างที่อยู่อาศัยที่ห่างไกลคำว่า “บ้านนรก,เตาอบ,ห้องดับจิต” ให้กับประชาชนพลเมืองผู้ยากไร้ ได้พ้นทุกข์จากความร้อน อากาศร้อนในฤดูร้อนทุกฤดูร้อน
เริ่มตั้งแต่การให้ความรู้เรื่องลักษณะของอาคารบ้านเรือนที่ลดความร้อน ระบายความร้อนได้ดี เพื่อให้คนไทยได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ให้อาคารบ้านเรือนเย็นลงด้วยลักษณะทางกายภาพ ซึ่งสัดส่วนของบ้านต้องสูงโปร่ง หลังคาสูง มุงกระเบื้องซึ่งจะเย็นกว่ามุงสังกะสี
ให้ความรู้เรื่อง “สีดำ ดูดความร้อน สีอ่อน ให้ความฉ่ำเย็น” ซึ่งอาคารบ้านเรือน หลังคา ไม่ควรทาหรือใช้กระเบื้องสีดำ สีเข้ม ผนังบ้าน อาคาร ตึก ไม่ควรฉาบทา สีดำ หรือสีเข้มๆ
ยังมีกลวิธีอีกมากมายที่สามารถลดความร้อนภายในบ้าน เพื่อทำให้บ้านเย็นจนเป็นสวรรค์ในฤดูร้อน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องแนะนำเสี้ยมสอนประชาชนพลเมืองโดยรัฐบาลและส่วนราชการ… ไทย!
บก.